แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งระหว่างพิจารณา คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลังแต่ศาลต้องให้คู่ความมีโอกาสและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานและนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้แม้จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้น ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ในวันสืบพยานโจทก์จำเลยไม่ได้มาศาล คงมาแต่ทนายจำเลย เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วทนายจำเลยย่อมมีสิทธิขอเลื่อนคดีเพื่อให้โอกาสจำเลยสาบานตนให้การเป็นพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง ได้ แม้จำเลยจะไม่ได้ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 โดยทางการที่จ้างชนโจทก์ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ
วันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ไม่มาศาล คงมาแต่ทนายจำเลยที่ 2 โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วทนายจำเลยที่ 2 ขอเลื่อนเพื่อสืบตัวจำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่แจ้งเหตุที่ไม่ยื่นคำให้การและไม่ได้ขอยื่นคำให้การ จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเพื่อสืบตัวจำเลย และนัดตัดสินวันรุ่งขึ้น แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้สินไหมทดแทนกับดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่โต้แย้งไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อนจึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายหลัง แต่ศาลต้องให้คู่ความมีโอกาสและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้จำเลยที่ 2 อ้างตนเองเป็นพยานและนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้จำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่ให้จำเลยที่ 2 อ้างตนเองเป็นพยานก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1587/2494 คดีระหว่างนายเหลื่อมกับพวก โจทก์ วัดผาสุการาม จำเลย
ในการที่จำเลยที่ 2 ไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์และเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ทนายจำเลยที่ 2 ขอเลื่อนคดีไปเพื่อให้จำเลยที่ 2 สาบานตัวให้การเป็นพยานเองในนัดต่อไปจะได้หรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรค 2 แล้ว เห็นว่าถึงแม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ไปในวันนัดสืบพยานโจทก์ และเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ไม่มีทางจะให้โอกาสจำเลยที่ 2 ได้สาบานตัวให้การเป็นพยานในวันนั้นก็ตาม ทนายจำเลยที่ 2 มีสิทธิที่จะขอเลื่อนคดีเพื่อให้จำเลยที่ 2 มีโอกาสได้สาบานตัวให้การเป็นพยานตามที่มาตรา 199 วรรค 2 บัญญัติไว้ ฉะนั้น ศาลฎีกาจึงเห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ไม่ให้โอกาสจำเลยที่ 2 ได้สาบานตัวให้การเป็นพยาน จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาให้จำเลยที่ 2 สาบานตัวเบิกความเป็นพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี