คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169-170/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีหาว่า จำเลยสมคบกับผู้ร้าย จับคนไปเพื่อสินไถ่แม้โจทก์จะสืบไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบกับพวกผู้ร้ายที่จับคนไปเพื่อสินไถ่ก็ดีแต่การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือในการกระทำผิดเช่นนั้นภายหลังการกระทำผิด จับคนเพื่อสินไถ่ ต้องตามความในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 272ทวิ ซึ่งได้เพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.2477(ฉบับที่ 4)มาตรา 5 จำเลยต้องมีความผิดเป็นตัวการดุจกัน

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเป็น 2 สำนวน หาว่าจำเลยสมคบกับพวกจับนายหยิบ นายวันไปเรียกค่าไถ่ นายหยิบ นายวันได้มอบเงินให้แก่จำเลยคนละ 150 บาท จำเลยจึงปล่อยตัวมา ขอให้ลงโทษ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268, 270 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 3 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยได้รับเงินจากนายหยิบ นายวันไปคนละ 150 บาท ซึ่งนับว่าเป็นการอุปการะช่วยเหลือภายหลังการกระทำผิดฐานจับคนเพื่อสินไถ่ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 5 มีความผิดฐานเป็นตัวการดุจกัน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 270 และแก้ไขมาตรา 3 ให้จำคุก 15 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 6 ที่แก้ไขมาตรา 272 ตรี คงจำคุก 10 ปี นับโทษต่อคดีดำที่ 286-334/2489

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะสืบไม่ได้ความว่า จำเลยได้สมคบกับผู้ร้ายที่จับนายหยิบ นายวัน เพื่อสินไถ่ก็ดี แต่การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือในการกระทำผิดเช่นนั้นภายหลังการกระทำผิดฐานจับคนเพื่อสินไถ่ ต้องตามความในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 272 ทวิ ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 5 จำเลยต้องมีผิดเป็นตัวการดุจกัน

พิพากษายืน

Share