คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกข่มเหงแล้วจำเลยได้ยิงคนที่ข่มเหงในขณะนั้นแต่เนื่องจากคนที่ข่มเหงต่างวิ่งหนีไป กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้า จำเลยก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม และกระทำลงไปโดยบันดาลโทสะ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 72

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่ผู้เสียหายไม่ตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 80 ให้จำคุก 10 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคืนเกิดเหตุจำเลยถูกคนราว 10 คนกลุ้มรุมชกต่อยจำเลยจึงชักปืนออกมา พวกที่กลุ้มรุมผละหนีไป จำเลยยิงปืนไป 1นัด กระสุนพลาดไปถูกนายตา และนายทองผู้เสียหาย จึงเห็นว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรมและเป็นการยั่วให้จำเลยบันดาลโทสะ การกระทำของจำเลยจึงควรได้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้จำคุก 6 ปี ลดโทษให้ตามมาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยถูกคนข่มเหงแล้วจำเลยได้ยิงคนที่ข่มเหงในขณะนั้นแต่เนื่องจากคนที่ข่มเหงต่างวิ่งหนีไป กระสุนปืนจึงพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้า จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60แต่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม และกระทำลงไปโดยบันดาลโทสะ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยควรได้รับประโยชน์ตามกฎหมายมาตรานี้ จึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share