คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจดับเพลิง ได้สมคบกับจำเลยอื่นแสดงตัวกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจ จะจับตัวผู้เสียหายฐานขายยาผิดประเภท แต่จำเลยกลับเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจะอ้างว่าเป็นตำรวจดับเพลิง มีหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้น ไม่มีอำนาจสอบสวนสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดอาญาหาได้ไม่ เพราะหน้าที่การดับเพลิงนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อจำเลยได้เรียกและรับเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จำเลยย่อมมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยว่า ได้ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๙, ๑๕๗,๒๐๐ ,๘๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๕,๑๓ และคืนเงินของกลางให้เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้ง ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษสิบตำรวจโทเสนอ จำเลยที่ ๑ ห้าปี จำเลยที่ ๒ และ ๓ ยกฟ้อง คืนเงินของกลาง ๔๐๐ บาทให้แก่เจ้าทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ และที่ ๓
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ ๑ เป็นตำรวจดับเพลิง มีอำนาจดับเพลิงเท่านั้น หาได้มีอำนาจสอบสวนสืบสวนหรือจับกุมผู้กระทำผิดอาญาไม่ จึงไม่มีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๑ เป็นตำรวจประจำกองบังคับการดับเพลิง และมีหน้าที่แต่ในเรื่องดับเพลิงนั้น เป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยที่ ๑ ย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ ๑ รับราชการเป็นตำรวจได้เรียกและรับเอาเงินสำหรับตนเอง จากผู้เสียหายเป็นจำนวน ๔๐๐ บาท เพื่อไม่จับกุมและดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จึงเป็นความผิดดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาชอบแล้ว พิพากษายืน

Share