แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกมีปืนเป็นอาวุธ ร่วมกับปล้นทรัพย์ โดยจำเลยกับพวกใช้ปืนขู่เข็ญไม่ให้พวกเจ้าทรัพย์ขัดขวาง มิฉะนั้นจะใช้ปืนยิงให้ตาย ดังนี้ แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า เมื่อเจ้าทรัพย์กับพวกตามจำเลยกับพวกไปทัน พวกจำเลยเอาปืนยิงเจ้าทรัพย์ เจ้าทรัพย์ก็ยิงโต้ตอบกันหลายนัด ก็ดี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 2 จะลงโทษจำคุกจำเลยได้ไม่เกิน 15 ปีเท่านั้น เพราะตามฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า จำเลยยิงปืน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกมีปืนเป็นอาวุธ ร่วมกันปล้นกระบือของนายสังเวียนและนายเย ซึ่งเลี้ยงรวมกันอยู่ขณะอยู่ในความดูแลรักษาของนายสันต์ไปโดยทุจริตโดยจำเลยกับพวกได้ใช้ปืนขู่เข็ญไม่ให้พวกนายสันต์เข้าขัดขวาง มิฉะนั้นในทันใดนั้นจะใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายให้ตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐,๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายรายนี้จริง พิพากษาให้จำคุกจำเลย ๒๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เวลาจำเลยไล่กระบือไปยังมีนายเปาะและนายเพียเห็นจำเลยกับพวก นายเปาะจำได้ว่ากระบือของนายสังเวียน ยังร้องถามไป ทันใดพวกจำเลย ๒ คนก็ยกปืนประทับหันปากกระบอกมาทางนายเปาะ นายเปาะวิ่งหนีไปได้สัก ๑ เส้น ปืนก็ดัง ๑ นัด ต่อมานายสังเวียนมาพบนายเปาะนายเพีย แล้วชวนตามจำเลยกับพวกไปจนใกล้เขตแดนประเทศไทยกับเขมรก็ทันจำเลยกับพวก พวกจำเลยเอาปืนยิงนายสังเวียน นายสังเวียนก็ยิงโต้ตอบกันหลายนัด แล้วจำเลยกับพวกก็หนีเข้าเขตประเทศเขมรไป ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยกับพวกได้ปล้นกระบือของนายสังเวียนและนายเยไปจริง แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด ๒๐ ปีนั้นยังคลาดเคลื่อนต่อข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ โดยจะลงโทษจำคุกจำเลยได้ไม่เกิน ๑๕ ปีเท่านั้น เพราะตามฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า จำเลยยิงปืน
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี