แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สิทธิและหน้าที่ของผู้ซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลอันเนื่องมาจากการบังคับคดีต่างกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ซื้อทรัพย์ในการซื้อขายกันตามปกติราคาทรัพย์ในการซื้อขายทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวจึงอาจแตกต่างกันได้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 อ้างเพียงว่า ราคาขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาซื้อขายกันตามปกติมากจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ทั้งเหตุที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้ประมูลทราบดีว่าราคาประเมินในการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสูงกว่าราคาขายทอดตลาดนั้น ก็มิใช่การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีคำร้องของ จำเลยที่ 1 จึงมิได้อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งอันจะเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามฟ้องโดยให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 5,382,997.92 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้ โจทก์จึงขอให้บังคับและนำยึดทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 จำนองไว้แก่โจทก์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 223504 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานครเนื้อที่ 32 เศษ 1 ส่วน 10 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์ การขายทอดตลาดครั้งแรกมีผู้เข้าร่วมประมูล 3 คน โจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุดจำนวน 4,000,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตให้ขายได้
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายไปนั้นต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก โดยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอยู่ในย่าน ชุมชนและถนนเลียบแม่น้ำ ถ้าซื้อขายกันตามปกติจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 10,000,000 บาท นอกจากนี้ผู้ประมูลได้คือโจทก์ซึ่งทราบดีว่าที่ดินดังกล่าวมีราคาซื้อขายเท่าใด ราคาประเมินในการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างยังสูงกว่าราคาขายทอดตลาดขอให้เพิกถอนการขาย
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายแล้วเพราะราคาที่ขายไม่ต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินไว้และไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมายราคาซื้อขาย 10,000,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 อ้างเป็นราคาเลื่อนลอย เพราะถ้าสามารถขายได้ราคาดังกล่าวจำเลยที่ 1คงหาคนเข้ามาประมูลได้ แต่ในการขายทอดตลาดมิได้มีบุคคลใดที่ให้ราคาสูงกว่าโจทก์ การบังคับคดีได้เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อแรกว่า คำร้องของ จำเลยที่ 1 ที่ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1 ยังไม่เห็นด้วยกับราคาขายทอดตลาดจำนวน 4,000,000 บาทกล่าวคือราคาที่ขายนั้นเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ขายอยู่ในย่าน ชุมชนและถนนเลียบแม่น้ำถ้าซื้อขายกันตามปกติจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 10,000,000 บาท เห็นว่าสิทธิและหน้าที่ของผู้ซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลอันเนื่องมาจากการบังคับคดี ต่างกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ซื้อทรัพย์ในการซื้อขายกันตามปกติ ราคาทรัพย์ในการซื้อขายทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวจึงอาจแตกต่างกันได้ ดังนั้น การอ้างเพียงว่าราคาขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาซื้อขายกันตามปกติมาก จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งส่วนที่จำเลยที่ 1 อ้างในคำร้องว่าผู้ประมูลได้คือโจทก์ซึ่งทราบดีว่าราคาซื้อขายเป็นจำนวนเท่าใด และแม้แต่ราคาประเมินในการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็ยังสูงกว่าราคาขายทอดตลาดนั้น เห็นว่า เหตุที่จำเลยที่ 1 อ้าง ถ้าเป็นความจริงก็มิใช่การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดี คำร้องของ จำเลยที่ 1 มิได้อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งอันจะเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่ง ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของจำเลยที่ 1 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น และคดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาจำเลยที่ 1 ในข้ออื่นอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป”
พิพากษายืน