คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ว.ลูกจ้างจำเลยทำการจำหน่ายน้ำมันเบนซินโดยสูบน้ำมันจากถังน้ำมันเอาใส่ถังน้ำมันรถยนต์เก๋งคันหนึ่งในบริเวณปั๊มน้ำมันเพื่อขายให้แก่ลูกค้า ขณะที่กำลังสูบน้ำมันอยู่นั้น ว.เห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านมาและทิ้งก้นบุหรี่ซึ่งติดไปอยู่ลงที่พื้นข้างทางห่างจากที่ ว.กำลังสูบน้ำมันอยู่ประมาณ 1 ศอก ว.ไม่หยุดสูบน้ำมันเสียก่อนแล้วจัดการดับก้นบุหรี่หรือเก็บก้นบุหรี่นั้นไปทิ้งให้ไกลออกไปเพื่อความปลอดภัย เพลิงได้ลุกไหม้จากก้นบุหรี่แล้วลุกลามอย่างรวดเร็วไหม้ถังน้ำมันที่ ว.สูบอยู่และบริเวณปั๊ม เป็นเหตุให้รถยนต์ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ถูกไฟไหม้หมดทั้งคัน ดังนี้ เหตุที่เกิดเพลิงไหม้เป็นเพราะ ว.ลูกจ้างจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการละเมิดในทางการที่จ้าง จำเลยจะต้องร่วมรับผิดด้วย
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ผ.๖๑๙๘ ของห้างหุ้นส่วนจำกัดเศรษฐกิจเคมีไว้เป็นจำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นการประกันแบบชดใช้ความเสียหายโดยสิ้นเชิง จำเลยเป็นนายจ้างของนายวิวัฒน์ เอนชาวนา และเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองปั๊มน้ำมันสหชัย ลูกจ้างจำเลยทำการจำหน่ายน้ำมันโดยสูบน้ำมันเบนซินจากถังน้ำมันมาใส่ถังน้ำมันของรถเก๋งคันหนึ่งในบริเวณปั๊มน้ำมันสหชัย นายวิวัฒน์ได้กระทำการโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้น้ำมันเบนซินและบริเวณปั๊มน้ำมันอย่างรวดเร็ว และไหม้รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ผ.๖๑๙๘ ของห้างหุ้นส่วนจำกัดเศรษฐกิจเคมี ความเสียหายดังกล่าวเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายวิวัฒน์ลูกจ้างจำเลยขณะปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างให้แก่จำเลย โจทก์มีหน้าที่ต้องซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวซึ่งยังอยู่ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย และได้ซ่อมแซมสิ้นเงินไป ๑๖,๕๐๐ บาท โจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิฟ้องคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๑๖,๕๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า นายวิวัฒน์มิได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อให้เกิดเพลิงไหม้ เหตุที่เกิดเพลิงไหม้ก็โดยเหตุสุดวิสัย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงได้ความว่า สำนวนคดีอาญาหมายเลขแพงที่ ๓๗๖๒/๒๕๑๔ พนักงานอัยการได้ฟ้องนายวิวัฒน์เป็นจำเลยในข้อหาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกโดยฟังข้อเท็จจริงว่า นายวิวัฒน์ได้ทำการจำหน่ายน้ำมันโดยสูบน้ำมันเบนซินจากถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตร เอาใส่ถังน้ำมันของรถยนต์เก๋งคันหนึ่งในบริเวณปั๊มน้ำมันสหชัยเพื่อชายให้แก่ลูกค้า ขณะที่กำลังสูบน้ำมันอยู่นั้น นายวิวัฒน์เห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านมาและทิ้งก้นบุหรี่ซึ่งติดไปอยู่ลงที่พื้นข้างทางเดินห่างจากที่นายวิวัฒน์กำลังสูบน้ำมันอยู่ประมาณ ๑ ศอก นายวิวัฒน์ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเพื่อป้องกันมิให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น โดยนายวิวัฒน์ไม่หยุดสูบน้ำมันเบนซินเสียก่อน แล้วจัดการดับก้นบุหรี่หรือเก็บก้นบุหรี่นั้นไปทั้งให้ไกลออกไปเพื่อความปลอดภัย เพลิงได้ลุกไหม้จากก้นบุหรี่ดังกล่าวแล้วลุกลามอย่างรวดเร็ว ไหม้ถังน้ำมันเบนซินที่นายวิวัฒน์สูบอยู่และไหม้บริเวณปั๊มน้ำมันเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย รถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ผ.๖๑๙๘ ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ถูกไฟไหม้หมดทั้งคัน
ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุที่เกิดเพลิงไหม้เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของนายวิวัฒน์ เมื่อนายวิวัฒน์ลูกจ้างผู้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่นอันเป็นการละเมิด จำเลยเป็นผู้เป็นนายจ้างของนายวิวัฒน์ เอนชาวนา จะต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดนั้นด้วย เมื่อรถดังกล่าวถูกเพลิงไหม้เสียหาย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้จัดการซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัย เป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยและวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกคือลูกจ้างของจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ที่จำเลยอ้างว่าจำเลยมิได้รับฝากรถยนต์ไว้จากนายไพบูลย์ รัตนาพรชัย จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาฝากทรัพย์ แต่ขอให้รับผิดตามมูลสัญญาประกันภัยอันเนื่องมาจากลูกจ้างจำเลยกระทำละเมิด
ปัญหามีว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใด
ปัญหาข้อนี้ยังมิได้รับการพิจารณาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่ ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์เสียค่าซ่อมรถไปเป็นเงิน ๑๖,๕๐๐ บาทจริง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๑๖,๕๐๐ บาทให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปในต้นเงินดังกล่าว ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ.

Share