คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพยานของผู้ที่ต้องหาว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยแต่ถูกกันไว้เป็นพยานนั้นมีน้ำหนักน้อยยากแก่การรับฟังเป็นพยานหลักฐานยืนยันการกระทำของจำเลยได้ เพราะพยานอาจจะซัดทอดจำเลย และปกปิดการกระทำผิดของตนเองเสียเป็นการตอบแทนที่ตนมิต้องถูกฟ้องด้วย
โจทก์มีประจักษ์พยานปากเดียวที่ศาลเห็นว่ามีน้ำหนักน้อยประกอบกับพฤติการณ์พยานโจทก์ก็ผิดปกติวิสัย กับทั้งขาดพยานหลักฐานซึ่งควรนำมาประกอบคดี เช่นนี้ถือว่าพยานหลักฐานโจทก์ตกอยู่ในข่ายสงสัยซึ่งศาลชอบที่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องมีใจความว่า เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๑๓ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนายพรหรือต๊ะ สุยา โดยเจตนาฆ่านายพร หรือต๊ะ สุยา ได้ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลและอำเภอบัวจังหวัดน่าน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำผิดจริงดั่งฟ้องจำคุกคนละ ๑๖ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์เป็นที่น่าสงสัยกล่าวคือก่อนเกิดเหตุ ๓ วัน โคของนายธงหายไป ๑ ตัว ผู้ตายได้ไปบอกนายธงว่าจำเลยทั้งสองนี้กับนายวิเชียร คำเทพ พยานโจทก์และนายชื่นอีกคนหนึ่งเป็นคนลักเอาไป นายธงไปแจ้งความตำรวจและคนทั้งสี่ก็ถูกค้นบ้าน ผู้ตายกลัวจำเลยได้หนีไปอยู่วัดห้วยอ้ม เช้าวันเกิดเหตุเวลารวม ๕ นาฬิกา จำเลยทั้งสองได้ไปชวนนายวิเชียรพยานโจทก์ไปตามหาผู้ตายได้พบผู้ตายที่วัดดังกล่าวนั่งผิงไฟอยู่จึงบอกว่ามีคนให้ไปตามแล้วทั้งสามคนก็พาผู้ตายเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุจำเลยที่ ๒ จึงจับกดผู้ตายนอนหงายให้จำเลยที่ ๑ ยิง ต่อมาจำเลยทั้งสองและนายวิเชียรพยานโจทก์ถูกจับแต่นายวิเชียรถูกกันไว้เป็นพยาน คงดำเนินคดีเฉพาะกับจำเลยทั้งสองนี้พนักงานสอบสวนได้พิมพ์ขี้ผึ้งพาราพินมือจำเลยที่ ๑ ส่งไปตรวจหาเขม่าดินปืนที่มือของจำเลย แต่ไม่ปรากฏว่าส่งผลการตรวจมาเป็นพยานหลักฐานเช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่า นายวิเชียร พยานโจทก์ ตำรวจได้สอบสวนแล้วกันไว้เป็นพยานในชั้นศาล คำเบิกความของนายวิเชียรจึงมีน้ำหนักน้อยยากแก่การรับฟังเป็นพยานหลักฐานยืนยันการกระทำของจำเลยได้ เพราะนายวิเชียรอาจจะซัดทอดจำเลยทั้งสองและปกปิดการกระทำผิดของตนเองเสียเป็นการตอบแทนที่ตนมิต้องถูกฟ้องด้วย พฤติการณ์แห่งพยานโจทก์ก็ผิดวิสัย ผู้ตายกลัวจำเลยจนต้องหนีไปอยู่ที่วัด แต่เมื่อถูกจำเลยชวนกลับบ้านก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง พนักงานสอบสวนได้ส่งพิมพ์ขี้ผึ้งพาราพินไปตรวจหาเขม่าดินปืนที่มือจำเลยที่ ๑ แต่กลับไม่ปรากฏในสำนวนทำให้สงสัยว่าตรวจไม่พบ และอีกประการหนึ่งในตอนที่จำเลยทั้งสองไปชวนนายวิเชียรพยานโจทก์ในตอนเช้าวันเกิดเหตุไปตามผู้ตายซึ่งพยานก็ได้ไปด้วยโดยไม่ได้ไต่ถาม อันเป็นเหตุที่ชวนสงสัย เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์เท่าที่ปรากฏยังเป็นที่น่าสงสัยให้แก่จำเลยทั้งสอง
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาโจทก์

Share