แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์จำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยได้ ส่วนการที่จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลไม่ครบถ้วน ก็เป็นเรื่องของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่จะมีคำสั่งต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ยึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 7198 และ 6781 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จำนวน 1,773,958.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน1,300,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 7198 และ 6781 ตำบลบางเตยอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จำนวน 1,300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 28ตุลาคม 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่เกิน 473,958.33 บาทให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นได้แจ้งให้จำเลยทราบว่า จำเลยต้องวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นรวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 22,985 บาท และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อีกจำนวน 15,000 บาท จำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลดังกล่าวครบถ้วนแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เห็นว่า ตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 ซึ่งปรากฏอยู่ในสารบาญลำดับที่ 31 ของสำนวนคดีนี้ระบุว่า จำเลยได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลจำนวน 22,985 บาท เจ้าหน้าที่ได้รับเงินแล้ว จะนำฝากธนาคารตามระเบียบต่อไป จึงถือว่าจำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว และชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา ส่วนจำเลยจะวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลไม่ครบถ้วนตามที่โจทก์แก้ฎีกาหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่จะพิจารณาสั่งต่อไป ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่รับวินิจฉัยให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยใหม่แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไปตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”