แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การยอมรับสภาพหนี้ไม่ใช่การทำสัญญา เมื่อ พ. แต่เพียงฝ่ายเดียว ยอมรับโดยสมัครใจว่าตนเป็นลูกหนี้โจทก์ตามจำนวนหนี้ที่ยอมรับ จึงรับฟังได้ว่า พ. รับสภาพหนี้ที่มีต่อโจทก์โดยชอบ และการยอมรับดังกล่าวย่อมมีผลผูกพัน พ. ให้ต้องปฏิบัติตามที่ยอมรับนั้น แม้กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทโจทก์จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้ก็ตาม แต่โจทก์ก็มีมูลหนี้ตามที่ พ. ยอมรับนั้นแล้ว จึงมีอำนาจที่จะฟ้องเรียกร้องเงินดังกล่าวได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายโพธิ์สิทธิ์ พรรัตนโสรฬ ช่างซ่อมนาฬิกาลูกจ้างของโจทก์ได้นำนาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ จำนวน ๑๐๗ เรียนและขายนาฬิกา ๙ สาย ของลูกค้าโจทก์ไปจำนำแก่โรงรับจำนำหลายแห่งเป็นเงิน ๑,๓๘๘,๕๐๐ บาท และเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโจทก์ต้องเสียเงิน ๑,๔๒๓,๖๘๐ บาท ไถ่นาฬิกาและสายนาฬิกามาคืนแก่ลูกค้า นายโพธิ์สิทธิ์ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยอมชดใช้เงินค่าไถ่ให้โจทก์ และจำเลยทำสัญญาค้ำประกันไว้ในวงเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท นายโพธิ์สิทธิ์ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้โจทก์ได้ทวงถามจำเลยให้ชำระตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๒๐๓,๑๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ของต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำหนังสือสัญญาค้ำประกัน สัญญารับสภาพหนี้ในช่องผู้รับสัญญาไม่มีลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ เป็นแต่เพียงคำเสนอของนายโพธิ์สิทธิ์ โจทก์ยังมิได้สนองรับจึงไม่ผูกพันจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องร้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๐๓,๑๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่นั้น จำเลยฎีกากล่าวอ้างว่า หนังสือรับสภาพหนี้ของนายโพธิ์สิทธิ์ พรรัตนไสรฬ ตามเอกสารหมาย จ.๕ เป็นเพียงคำเสนอของนายโพธิ์สิทธิ์ เมื่อกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อรับสัญญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะถือไม่ได้ว่าโจทก์เข้าถือเอาและรับประโยชน์ตามสัญญานั้นเห็นว่า การยอมรับสภาพหนี้นั้นไม่ใช่การทำสัญญา เมื่อนายโพธิ์สิทธิ์แต่เพียงฝ่ายเดียวยอมรับโดยสมัครใจว่า ตนเป็นลูกหนี้โจทก์ตามจำนวนหนี้ที่ยอมรับนั้น จึงรับฟังได้ว่านายโพธิ์สิทธิ์รับสภาพหนี้ที่มีต่อโจทก์โดยชอบ และการยอมรับดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันนายโพธิ์สิทธิ์ให้ต้องปฏิบัติตามที่ยอมรับนั้น แม้กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นก็ตาม แต่โจทก์ก็มีมูลหนี้ตามที่นายโพธิ์สิทธิ์ยอมรับนั้นแล้ว จึงมีอำนาจที่จะฟ้องเรียกร้องเงินดังกล่าวได้
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ ๘๐๐ บาท