คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ที่ฟังว่าเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาผู้ตายเคยเป็นชู้กับภรรยาจำเลย ในวันเกิดเหตุผู้ตายนั่งกินข้าวอยู่กับภรรยาจำเลยแล้วพูดว่าถึงจำเลยมาพบในเวลานั้นก็ไม่กลัวจำเลยจึงเข้าไปแทงผู้ตาย 1 ทีดั่งนี้เรียกว่ากระทำโดยถูกยั่วโทษะ ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.213,225 ในคดีที่จำเลยมิได้ฎีกาเมื่อศาลฎีกาเห็นควรลงโทษจำเลยต่ำกว่าที่ศาลอุทธรณ์ลงมาก็ทำได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยกับ จ.เป็นสามีภริยากับ มารดา จ.ให้คนไปรับ จ.กลับมาจากบ้านจำเลย และทั้ง จ.และมารดาได้มีจดหมายถึงจำเลยบอกตัดให้จำเลยเลิกเป็นสามีภริยากับ จ. จำเลยได้ไปหามารดา จ.เพื่อสอบถาม แต่ก็มิได้รับคำตอบอย่างใด จำเลยจึงไปขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ และในขณะนั้นเองจำเลยก็ทราบว่า จ.ภรรยาตนไปได้กับผู้ตาย จำเลยจึงขอร้องให้กรมการอำเภอช่วยว่ากล่าว กรมการอำเภอได้เปรียบเทียบให้จำเลยและจะคืนดีกัน คือวันนั้นจำเลยไปนอนที่บ้านมารดา จ.แต่ จ.ไปนอนที่อื่น พอรุ่งขึ้นมารดา จ.ก็ไปแจ้งความหาว่าจำเลยลักของ จำเลยจึงต้องย้ายไปนอนที่อื่น ต่อมาอีก ๘-๙ วัน จำเลยไปแอบดูเห็นผู้ตายไปที่บ้านมารดา จ.และกำลังกินข้าวอยู่ จ.ก็อยู่ด้วย จึงกลับบ้านไปเอามีดมาเพื่อจับชู้ พอผู้ตายพูดว่าถึงจำเลยมาเวลานั้นก็ไม่กลัว จำเลยจึงถีบประตูเรือนเข้าไปเอามีดแทงผุ้ตาย ๑ ที ผู้ตายถึงแก่ความตาย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม.๒๕๐ ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยบรรดาลโทษะ มีผิดตาม ม.๒๔๙ ลดฐานยั่วโทษะกึ่งหนึ่ง กับลดฐานรับสารภาพอีกกึ่งหนึ่งคงจำคุก ๓ ปี ๙ เดือน
โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามพฤตติการณ์ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้เคยแสดงความอาฆาตมาทร้ายหรือพยายามคิดทำร้ายผู้ตายอย่างใด จำเลยพยายามอย่างเดียวที่จะจับชู้ ได้ขอร้องให้เจ้าพนักงานช่วย ก็ไม่ผลิผล จึงไปคอยเฝ้าดูอยู่จนพบผู้ตายมากินข้าวกับภริยาจำเลย เมื่อผู้ตายพูดว่าไม่กลัวจำเลยจึงเกิดบรรดาลโทษะขึ้นมาเข้าแทงผู้ตายในขณะนั้น จึงเห็นว่าจำเลยควรมีผิดตามกฎหมายอาญา ม.๒๕๑ กำหนดโทษ ๓ ปี ลดฐานยั่วโทษะกึ่งหนึ่งเหลือ ๑๘ เดือน ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงเหลือ ๙ เดือนและให้รอการลงอาญาจำเลยไว้

Share