คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเอาเข็มขัดทอง ตุ้มหูเพชร จี้เพชร จี้ทองคำ แหวนเพชร แหวนทองคำกำไลประดับเพชร กำไลทองคำ ราคา 400,000 บาทเศษของผู้เสียหายไปซ่อนไว้ในลำโพงวิทยุของจำเลยโดยปิดไว้มิดชิดในห้องจำเลย แล้วทำอุบายเคลื่อนย้ายของใช้ในบ้านและห้องนอนผู้เสียหายและห้องอื่นให้กระจัดกระจาย เมื่อผู้เสียหายพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุจำเลยบอกว่าเครื่องเทปวิทยุของจำเลยก็หายไปด้วยแสดงว่าเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับจำเลยเองเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยมีอายุ 25 ปี รู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้ว ยังมีความโลภถึงขนาดลักทรัพย์ของน้าซึ่งมีราคามากมาย ทั้งๆ ที่น้ามีความทุกข์ต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็น จำเลยก็มิได้มีจิตเมตตา กลับซ้ำเติมด้วยการลักทรัพย์ของมีค่าจนแทบจะหมดตัว แล้วยังสร้างหลักฐานเท็จเพื่ออำพรางคดีอีก จำเลยจึงไม่สมควรจะได้รับการปรานีให้รอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้มีดกรีดหมอนซึ่งใช้ด้ายเย็บจนขาดออกอันเป็นการทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์แล้วลักเอาทรัพย์สินต่าง ๆ ซึ่งยัดไว้ในหมอนกับลักเอาทรัพย์ซึ่งเก็บไว้ในห้องนอนรวมเป็นเงิน 484,400 บาท ของนางนุกูล ศุภภิญโญผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335ที่แก้ไขแล้ว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 5 ปีจำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย “ที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปไว้ในห้องของจำเลย ก็เพราะผู้เสียหายมาอาศัยบ้านจำเลยหลายเดือนแล้ว ไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน ไม่ช่วยล้างจานอาหาร ยืมเงินขอให้ยกบ้านให้ พาคนอื่นมานอนในบ้านจำเลยไม่พอใจ การกระทำของจำเลยเป็นการแกล้งผู้เสียหายให้ออกไปจากบ้านจึงไม่เป็นการกระทำโดยทุจริตนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้เสียหายเป็นน้องมารดาจำเลยชั้นสอบสวนมารดาจำเลยก็ว่า ผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ปกติตอนเช้าผู้เสียหายไปขายของที่ตลาดบางกะปิดเวลา 3 นาฬิกา และกลับบ้านเวลา 20 นาฬิกา ปรากฏว่าบ้านมารดาจำเลยมี 3 ห้อง มีคนเพียง 3 คนจะให้ผู้เสียหายแยกอยู่ห้องหนึ่งต่างหากก็น่าจะทำได้ แต่มารดาจำเลยได้ให้ผู้เสียหายพักนอนในห้องและเตียงเดียวกันแสดงว่ามีความไว้ในและรักใคร่ผู้เสียหายผู้เป็นน้อง เรื่องขอให้ยกบ้านให้นั้นมารดาจำเลยก็ว่า เป็นเรื่องผู้เสียหายขอแลกบ้าน แต่มารดาจำเลยไม่ยอมแลกสำหรับเรื่องยืมเงิน มารดาจำเลยว่าผู้เสียหายเคยยืมเงินไปใช้เรื่องพาผู้อื่นไปพักที่บ้านจำเลย ผู้เสียหายรับว่าได้เคยพาบุตรและคนนอกไปพักที่บ้านจำเลยเพียงครั้งเดียว น่าจะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ และหากมีว่ามีเหตุดังที่อ้าง ก็น่าจะพูดจาบอกกล่าวให้ผู้เสียหายออกไปจากบ้านได้ แต่ฝ่ายจำเลยหาได้ทำไม่ข้ออ้างของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนปัญหาที่ว่า จำเลยกระทำโดยมีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเอาเข็มขัดทอง ตุ้มหู เพชร จี้เพชร จี้ทองคำ แหวนเพชร แหวนทองคำกำไลประดับเพชร กำไลทองคำราคา 400,000 บาทเศษของผู้เสียหายไปซ่อนไว้ในลำโพงวิทยุของจำเลยโดยปิดไว้ปิดชิดในห้องจำเลย แล้วทำอุบายเคลื่อนย้ายของใช้ในบ้านและห้องนอนผู้เสียหายและห้องอื่นให้กระจัดกระจาย เมื่อผู้เสียหายพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุจำเลยบอกว่าเครื่องเทปวิทยุของจำเลยก็หายไปด้วย แสดงว่าเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับจำเลยเองการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า ถ้าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดดังฟ้องก็ขอให้รอการลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีอายุ 25 ปีรู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้ว ยังมีความโลภถึงขนาดลักทรัพย์ของน้าซึ่งมีราคามากมายทั้ง ๆ ที่น้ามีความทุกข์ต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็น จำเลยก็มิได้มีจิตเมตตา กลับซ้ำเติมด้วยการลักทรัพย์ของมีค่าจนแทนจะหมดตัว แล้วยังสร้างหลักฐานเท็จเพื่ออำพรางคดีอีก เมื่อคำนึงถึงเหตุทั้งปวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 แล้ว จำเลยไม่สมควรจะได้รับการปรานีให้รอการลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปีก็เป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน”.

Share