คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เพราะมีหนังสือแจ้งการครอบครอง(ส.ค.1) และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นพยานหลักฐานจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ แผนที่ที่ดินที่ปรากฏตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ยังไม่ถูกต้องเพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งประเด็นโต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ กับปฏิเสธแผนที่ตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ว่า ยังไม่ถูกต้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนหรือทางสาธารณะ แม้โจทก์จะแจ้งการครอบครองหรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินแปลงหมายเลข 1-2ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย สั่งห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องต่อไป

จำเลยให้การสู้คดี

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ที่ดินแปลงหมายเลข 2 เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาท (ที่ดินแปลงหมายเลข 1) เป็นของโจทก์เพราะมีหนังสือแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1)และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นพยานหลักฐาน ฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ แผนที่ที่ดินที่ปรากฏตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ยังไม่ถูกต้องเพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งประเด็นโต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ กับปฏิเสธแผนที่ตามสำเนา ส.ค.1 กับ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ว่า ยังไม่ถูกต้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่เท่านั้นโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนหรือทางสาธารณะ แม้โจทก์จะได้แจ้งการครอบครองหรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ เพราะเป็นการจับจองทับถนนหรือทางสาธารณะรายนี้

พิพากษายืน

Share