แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำพิพากษาที่ให้บุคคลหนึ่งเปิดทางภาระจำยอมผ่านที่ดินนั้น ย่อมไม่ผูกพัน เจ้าของที่ดินข้างเคียงคนอื่นซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้ขณะทำแผนที่พิพาทจะปรากฎเส้นทางภาระจำยอมผ่านที่ดินของบุคคลนั้น และบุคคลนั้นได้มาอยู่รู้เห็นในการทำแผนที่พิพาทอยู่ด้วยก็ตาม
ผู้ที่ได้ทางภาระจำยอมมาโดยอายุความแล้วนั้น ย่อมมีสิทธิขุดโค่นหัวคันนาซึ่งอยู่ในเส้นทางอันเป็นภาระจำยอมนั้นได้เท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมนั้น โดยไม่จำเป็นต้องให้มีคำพิพากษาว่าที่ดินนั้นตกเป็นภาระจำยอมเสียก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เป็นเจ้าของที่นาโฉนด ๑๑๕๗ เมื่อ ๖ มิถุนายน ๒๕๐๓ จำเลยกับพวกบุกรุกเข้าขุดโค่นหัวคันนาหลายอัน ทำทางกว้างประมาณ ๖ ศอกผ่านที่นา ห้ามก็ไม่เชื่อ เป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้ เสียหาย ๒,๐๐๐ บาท ขอศาลห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องที่ดินโจทก์และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นทางภาระจำยอมที่จำเลยกับนายทำสามีจำเลยได้สิทธิเดินผ่านมาประมาณ ๒๐ ปีเศษแล้ว และศาลพิพากษาถึงที่สุดให้นายทำได้ภาระจำยอม ปรากฏตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดอุทัยธานี คดีแพ่งแดงที่ ๗๕/๒๕๐๒ ระหว่างนายทำ โจทก์ นายเหลือง จำเลย โจทก์เป็นภริยานายเหลือง มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ร่วมกัน นายทำสั่งให้คนอื่นไปทำลายคันนา ส่วนจำเลยเพียงแต่ไปดูแลความเรียบร้อยเท่านั้น แม้จำเลยจะทำลายคันนา ก็เพื่อจำเลยกับสามีจะได้ใช้เส้นทางเดินไปทำนาอันเป็นอาชีพของจำเลย ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ทางพิจารณาได้ความว่า คดีแพ่งแดงที่ ๗๕/๒๕๐๒ นั้น ถึงที่สุดแล้ว โดยศาลพิพากษาให้นายเหลืองและบริวารเปิดเส้นทางภาระจำยอมกว้าง ๖ ศอก ตลอดที่นานายเหลืองตามเส้นสีน้ำเงินประดู่และเส้นสีน้ำเงินประดู่สีเหลือง แต่ปรากฎว่าตามแผนที่พิพาทซึ่งศาลบังคับนายเหลืองนี้ ทางบางส่วนอยู่ในที่ดินโฉนดมีชื่อนางตลับโจทก์คดีนี้กับบุตรสาว หัวคันนาที่ขุดนี้อยู่ในที่ดินของนางตลับ ซึ่งตามแผนที่พิพาทว่าเป็นทางภาระจำยอมด้วย นางตลับจึงฟ้องจำเลยในคดีนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีแพ่งแดงที่ ๗๕/๒๕๐๒ ได้เปิดทางภาระจำยอมทอดไปในที่ดิน นางตลับซึ่งเป็นภริยาและนางลูกจันทร์บุตรนายเหลืองด้วย เพราะคำฟ้องคดีนั้นระบุทางภาระจำยอมตลอดที่ดินนายเหลืองจำเลยติดต่อกันไปจากบ้านไปสู่นาของนายทำโจทก์ไม่มีเว้นระยะ ขณะทำแผนที่พิพาท นางตลับและนางลูกจันทร์ ก็อยู่รู้เห็นว่านายทำชี้เส้นทางภาระจำยอมผ่านที่ของตน แต่ก็ไม่ได้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับนาเหลืองสามี การที่มาฟ้องคดีนี้จึงมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ คำพิพากษาคดีก่อนจึงผูกพันว่ามีเส้นทางภาระจำยอมอยู่ในที่ดินที่มีชื่อนางตลับโจทก์เป็นเจ้าของด้วย การกระทำของจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยื มาตรา ๑๓๙๑ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในการทำแผนที่พิพาท โจทก์ทราบก็ไม่ดำเนินทางคดีอย่างไรแสดงว่ามิได้ขัดขวางสิทธิภาระจำยอมของจำเลย ครอบครัวจำเลยใช้เส้นทางพิพาทผ่านที่ดินโจทก์ด้วยมากว่า ๒๐ ปี จึงได้ทางภาระจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๐๑ โจทก์ปิดเส้นทางนี้ไม่ได้ จำเลยทำลายคันนาทำทางกว้าง ๖ ศอก เป็นการทำไปเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอม และก่อให้เสียหายน้อยที่สุดอันเป็นสิทธิของจำเลย โจทก์เรียกค่าเสียหายไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ตราบใดยังไม่มีคำพิพากษาให้ที่ดินของโจทก์ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินจำเลยแล้ว จำเลยก็ไม่ชอบที่จะอ้างความคุ้มครองใด ๆ ในการทำอันเป็นละเมิดได้ ศาลอุทธรณ์จะรับฟังข้อนำสืบมาวินิจฉัยมีความเห็นเอาเองว่าที่ดินโจทก์ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของจำเลยก็ไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีแพ่งแดงที่ ๗๕/๒๕๐๒ ซึ่งนายทำฟ้องนายเหลืองขอให้เปิดทางภาระจำยอมนั้น เป็นที่ดินคนละแปลงกับที่ดินของโจทก์ในคดีนี้ คำที่พิพากษาในคดีนั้นจึงไม่ผูกมัดโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
แต่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทตกอยู่ในภาระจำยอม ประเด็นในเรื่องที่พิพาทตกเป็นภาระจำยอมหรือไม่ โจทก์จำเลยมีโอกาสนำสืบพิสูจน์ได้ ซึ่งจำเลยก็นำสืบได้ว่าที่ดินพิพาทตามโฉนดของโจทก์นั้น ตกอยู่ในภาระจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๔๗๐๑ ประกอบมาตรา ๑๓๘๗ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในภาระจำยอม นายทำสามีจำเลยจำเลยและจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ก็มีสิทธิทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๙๑ ฉะนั้น การที่จำเลยขุดโค่นหัวคันนาของโจทก์ซึ่งอยู่ในเส้นทางอันเป็นภาระจำยอมนั้นจำเลยกับสามีจำเลยจะได้ใช้เส้นทางเดินไปทำนาของจำเลย และได้ทำไปเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมนั้น ย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๙๑ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพิพากษาให้ที่ดินของโจทก์ตกเป็นภาระจำยอมเสียก่อน
พิพากษายืน