แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ตามพฤติการณ์ที่ผู้ตายยืนร้องตะโกนด่าอยู่หน้าบ้านแล้วจำเลยที่ 2 ออกไปแย่งอาวุธปืนแล้วตีศีรษะผู้ตายโดยแรงทันที แม้ข้างศพผู้ตายจะมีมีดปลายแหลมตกอยู่โดยจำเลยที่ 2 อ้างว่าเมื่อแย่งอาวุธปืนจากผู้ตายแล้วผู้ตายชักอาวุธมีดจะแทงจำเลยที่ 2 แต่การที่จำเลยที่ 2 ตะโกนว่า “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย” แล้ววิ่งเข้าไปแย่งอาวุธปืนจากผู้ตายอันมีลักษณะเหมือนจะทำร้ายผู้ตาย จึงมีสภาพเสมือนจำเลยที่ 2 สมัครใจเข้าไปวิวาทกับผู้ตาย ไม่อาจยกเอาการป้องกันสิทธิของตนขึ้นอ้างเพื่อลบล้างความผิดของตนได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 288 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ลงโทษจำคุก 15 ปี คำรับของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน ริบของกลาง ยกฟ้องจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในเบื้องต้นว่า ในคืนเกิดเหตุจำเลยที่ 2 กับพวกดื่มสุรากันที่บ้านของจำเลยที่ 2 ผู้ตายมีอาการเมาสุราได้ตะโกนด่าและร้องท้าทายอยู่หน้าบ้านของจำเลยที่ 2 แล้วกลับไป หลังจากนั้นผู้ตายกลับมาตะโกนด่าและร้องท้าทายอีก โดยถืออาวุธปืนลูกซองยาวมาด้วย จำเลยที่ 2 ได้ออกไปแย่งอาวุธปืนแล้วใช้พานท้ายปืนตีศีรษะของผู้ตายจนถึงแก่ความตาย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการป้องกันตัวโดยพอสมควรแก่เหตุหรือไม่เห็นว่า การป้องกันต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ได้ความตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ. 16 ว่าเมื่อผู้ตายมาตะโกนร้องท้าทายอยู่หน้าบ้าน โดยมิได้แสดงอาการจะบุกเข้าไปทำร้ายบุคคลในบ้าน ลักษณะของผู้ตายเป็นการตะโกนด่าและท้าทายอยู่นอกบ้าน แม้จะใช้อาวุธปืนส่ายไปมา แต่ก็ไม่มีท่าทีจะใช้อาวุธปืนยิง จำเลยที่ 1 ได้ยินเสียงร้องตะโกนว่า “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย” ก่อนจะได้ยินเสียงตีศีรษะผู้ตาย ได้ความตามคำเบิกความของนายวุฒิชัย นายสงกรานต์ และคำให้การชั้นสอบสวนของนายสายชล ตามเอกสารหมาย จ. 12 สอดคล้องกันว่า เมื่อผู้ตายมายืนร้องด่าและท้าทาย จำเลยที่ 2 ได้ออกไปจากบ้านแล้วมีเสียงตีศีรษะผู้ตาย บุคคลที่จำเลยที่ 1 ได้ยินเสียงตะโกนว่า “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย” จึงเป็นเสียงของจำเลยที่ 2 เพราะเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ออกจากบ้านไปยังผู้ตาย แล้วในทันใดก็ได้ยินเสียงตีศีรษะผู้ตาย นายสงกรานต์เบิกความว่าเมื่อจำเลยที่ 2 ออกไปจากบ้านไปยังผู้ตายก็ได้ยินเสียงดังโพล๊ะ ซึ่งดังมาก เมื่อพิจารณาประกอบความเห็นของแพทย์หรือพนักงานแยกธาตุ เอกสารท้ายฟ้อง ผู้ตายกะโหลกศีรษะแตก ตามภาพถ่ายหมาย จ. 6 แสดงว่าเป็นการตีโดยแรง พฤติการณ์ที่ผู้ตายยืนร้องตะโกนด่าอยู่หน้าบ้านแล้วจำเลยที่ 2 ออกไปแย่งอาวุธปืนแล้วตีศีรษะผู้ตายโดยแรงทันที แม้ข้างศพผู้ตายจะมีมีดปลายแหลมตกอยู่ตามภาพถ่ายหมาย จ. 6 โดยจำเลยที่ 2 อ้างว่า เมื่อแย่งอาวุธปืนจากผู้ตายแล้วผู้ตายชักอาวุธมีดจะแทงจำเลยที่ 2 แต่การที่จำเลยที่ 2 ตะโกนว่า “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย” แล้ววิ่งเข้าไปแย่งอาวุธปืนจากผู้ตาย อันมีลักษณะเหมือนจะทำร้ายผู้ตาย จึงมีสภาพเสมือนจำเลยที่ 2 สมัครใจเข้าไปวิวาทกับผู้ตาย กรณีจึงไม่อาจยกเอาการป้องกันสิทธิของตนขึ้นอ้างเพื่อลบล้างความผิดของตนได้ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน