แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลรัษฎากร แม้จะบัญญัติให้นายจ้างหักเงินภาษีของลูกจ้าง และให้นายจ้างต้องรับผิดในเงินภาษีที่มิได้หักไว้จริง แต่ก็มิได้มีบทบัญญัติให้นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องภาษีจากลูกจ้างในกรณีที่มิได้หักเงินภาษีไว้ และบัญญัติให้ลูกจ้างหลุดพ้นความรับผิดในการชำระภาษีเงินได้เฉพาะแต่กรณีที่นายจ้างหักเงินภาษีไว้แล้ว มิได้ให้สิทธินายจ้างฟ้องเรียกเงินภาษีที่มิได้หักไว้ นายจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีที่ยังมิได้หักจากลูกจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์มาเป็นผู้จัดการโรงแรมของจำเลยแล้วผิดสัญญาจึงเรียกค่าจ้างและค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มิได้เสียภาษีเงินได้ตลอดปี 2503 จำเลยในฐานะนายจ้างชอบที่จะหักไว้ได้แต่โจทก์มิได้ให้จำเลยหักไว้ขณะจ่ายและจำเลยจะต้องรับผิดต่อกรมสรรพากร จึงเรียกเงินจำนวนนี้และค่าเสียหายอื่นอีก
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีสิทธิมาฟ้องภาษีเงินได้แทนกรมสรรพากรและโจทก์มิได้ผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยเกี่ยวกับภาษีเงินได้ตามฟ้องแย้งว่า ตามประมวลรัษฎากรบัญญัติให้นายจ้างหักเงินค่าภาษีของลูกจ้าง และให้นายจ้างต้องรับผิดในเงินค่าภาษีที่มิได้หักไว้จริงแต่มิได้มีบทบัญญัติให้นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องค่าภาษีจากลูกจ้างในกรณีที่มิได้หักค่าภาษีไว้ และตามประมวลรัษฎากรบัญญัติให้ลูกจ้างหลุดพ้นความรับผิดในการชำระภาษีเงินได้เฉพาะแต่กรณีที่นายจ้างหักเงินภาษีไว้แล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นว่า ตามประมวลรัษฎากรไม่ได้ให้สิทธิจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างที่จะฟ้องเรียกเงินค่าภาษีที่มิได้หักไว้ และโจทก์มิได้เป็นหนี้จำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินนี้จากโจทก์
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอื่นแล้ว พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดในเงินค่าขนของส่วนตัวและค่ารถยนต์กลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ให้โจทก์ นอกจากนี้พิพากษายืน