แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ให้สัมปทานทำไม้แก่จำเลยโดยมีเงื่อนไขว่า จำเลยต้องนำเงินเข้าฝากและถอนเป็นกองทุนเพื่อดูแลและป้องกันไฟป่า ซึ่งจำเลยก็ได้ปฏิบัติตามโดยนำเงินเข้าฝากเป็นกองทุนที่ธนาคาร ท. แม้ต่อมาสัมปทานดังกล่าวจะสิ้นสุดลง โจทก์อ้างว่าจำเลยยังมีความผูกพันที่จะต้องส่งมอบเงินกองทุนดังกล่าวแก่โจทก์ และที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อบังคับให้จำเลยส่งมอบเงินกองทุนนั้นให้แก่โจทก์ทั้งตามคำขอให้กำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาของโจทก์ก็กล่าวอ้างว่าจำเลยอาจถอนเงินจากบัญชีเงินฝากไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ ซึ่งเมื่อโจทก์ชนะคดีจะไม่สามารถบังคับคดีเอาจากเงินฝากและทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้ หากเป็นดังที่โจทก์กล่าวอ้าง คำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินฝากในธนาคาร ท. ย่อมมีมูลที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่โจทก์ขอมาใช้ได้ จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยดำเนินการปลูกป่าและบำรุงรักษาสวนป่าคิดเป็นเงิน 6,901,028.71 บาท หากจำเลยไม่ดำเนินการให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการแทนโดยใช้เงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาอุบลราชธานีและบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาอุบลราชธานี หากจำเลยไม่ยินยอม ให้ถอนเงินในบัญชีเงินฝากดังกล่าว ขอให้ถือเอาคำสั่งของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยส่งมอบอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการดับไฟป่า และอุปกรณ์เครื่องมือประจำหอดูไฟ หากไม่ดำเนินการส่งมอบให้ชดใช้เงินจำนวน 2,929,077.50บาท และให้จำเลยส่งมอบเงินกองทุนไฟป่าและป้องกันรักษาไฟป่าจำนวน 182,009.09บาท พร้อมดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากที่จำเลยฝากไว้เป็นกองทุนดังกล่าวที่ธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุบลราชธานีแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ยินยอมขอให้ถือเอาคำสั่งของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินฝากในบัญชีธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุบลราชธานี ตามฟ้องไว้ในระหว่างการพิจารณาคดีจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากจำเลยได้ฟ้องโจทก์และบุคคลอื่นเป็นจำเลย ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้โจทก์คืนสมุดเงินฝากบัญชีธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุบลราชธานี ตามฟ้องแก่จำเลย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ประกอบกิจการทำไม้และมีรายได้อื่นอีก หากโจทก์ต้องคืนสมุดเงินฝากดังกล่าวให้แก่จำเลยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วจำเลยอาจถอนเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวไป ซึ่งเมื่อโจทก์ชนะคดีแล้วไม่สามารถบังคับคดีเอาจากเงินฝากในบัญชีเงินฝากดังกล่าวและทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า ศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินฝากในบัญชีเงินฝากตามคำร้องของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ได้ฟ้องจำเลยว่าโจทก์ให้สัมปทานทำไม้แก่จำเลยโดยมีเงื่อนไขประการหนึ่งด้วยว่า จำเลยต้องนำเงินค่าใช้จ่ายจำนวน 1 เท่า ของอัตราค่าภาคหลวงไม้ที่ทำผ่านมาในปีก่อนเข้าฝากและถอนเป็นกองทุนเพื่อดูแลและป้องกันรักษาป่าและเพื่อป้องกันไฟป่าซึ่งจำเลยก็ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้วโดยจำเลยนำเงินเข้าฝากเป็นเงินกองทุนที่ธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุบลราชธานี 2 บัญชี แม้ต่อมาสัมปทานดังกล่าวจะสิ้นสุดลง โจทก์ก็อ้างว่าจำเลยยังมีความผูกพันที่จะต้องส่งมอบเงินกองทุนดังกล่าวแก่โจทก์ และการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อบังคับให้จำเลยส่งมอบเงินกองทุนนั้นให้แก่โจทก์ด้วย ทั้งตามคำขอให้กำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาของโจทก์ โจทก์ก็กล่าวอ้างมาแล้วว่า ปัจจุบันจำเลยมิได้ประกอบกิจการทำไม้และไม่มีรายได้อื่น จำเลยอาจถอนเงินจากบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีไปจำหน่ายโอนได้ ซึ่งเมื่อโจทก์ชนะคดีจะไม่สามารถบังคับคดีเอาจากเงินฝากดังกล่าวและทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้ ดังนั้น หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์กล่าวอ้างคำร้องของโจทก์ย่อมมีมูลที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่โจทก์ขอนั้นมาใช้ได้ การที่ศาลชั้นต้นด่วนยกคำร้องของโจทก์ดังกล่าวโดยไม่ไต่สวนให้ได้ความจริงว่าเป็นเช่นไรก่อนจึงเป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน