แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องซึ่งตั้งรูปว่าผู้เยาว์โดยบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นโจทก์นั้น เป็นเรื่องผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเองโดยอาศัยอำนาจของบุคคลซึ่งอ้างเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมถึงหากจะฟังว่าบุคคลนั้นมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ และขณะฟ้องคดีโจทก์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็เป็นเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีของโจทก์ผู้เยาว์บกพร่อง ซึ่งศาลมีอำนาจสอบสวนและสั่งแก้ไขความบกพร่องนั้นให้บริบูรณ์ได้ก่อนศาลพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 ส่วนอำนาจของบุคคลซึ่งอ้างเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมนั้น ถ้าไม่มีหรือไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ศาลจะยกฟ้องหรือจะสั่งอย่างอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยไม่ต้องยกฟ้องก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปรากฏว่าโจทก์ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้ว มีอำนาจเป็นคู่ความด้วยตนเองได้แล้ว ศาลฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้โจทก์แก้ไขเรื่องความสามารถ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลูกจ้างคนขับรถของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างชนโจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 25,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 มิได้ประมาท และมิได้ทำตามทางการที่จ้าง โจทก์ไม่เสียหาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และนายถนอมมิใช่บิดานายประยงค์โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายถนอมเป็นบิดาโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ขับรถในทางการที่จ้างเฉี่ยวชนโจทก์โดยประมาท ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย5,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ในปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้นายถนอมมิได้เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง แต่นายประยงค์เป็นโจทก์ฟ้องเองโดยอาศัยอำนาจของนายถนอมซึ่งอ้างเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่านายถนอมมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ และขณะฟ้องคดีนายประยงค์โจทก์มีอายุ 18 ปีก็ดีก็เป็นเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีของนายประยงค์โจทก์บกพร่อง ซึ่งศาลมีอำนาจสอบสวนและสั่งให้แก้ไขความบกพร่องนั้นให้บริบูรณ์ได้ก่อนศาลพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 ส่วนอำนาจของนายถนอมถ้าไม่มีหรือไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ศาลจะยกฟ้องหรือจะสั่งอย่างอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยยังไม่ต้องยกฟ้องก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66
สำหรับคดีนี้ ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องสั่งให้นายประยงค์โจทก์แก้ไขเรื่องความสามารถ เพราะปรากฏว่า เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา นายประยงค์โจทก์มีอายุเกิน 20 ปี บรรลุนิติภาวะแล้วนายประยงค์โจทก์มีอำนาจเป็นคู่ความด้วยตนเองได้แล้ว
ปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม ส่วนปัญหาตามฎีกาข้ออื่น ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และค่าเสียหายที่ศาลล่างกำหนดเป็นจำนวนพอสมควรแล้ว
พิพากษายืน