คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในการขอให้พิจารณาใหม่จำเป็นที่ต้องตรวจดูสำนวนคดีเพื่อทราบคำฟ้อง และกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาลเสียก่อนดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การได้รับสำเนาสำนวนคดีจากเจ้าพนักงานศาลล่าช้าทำให้ไม่สามารถตรวจดูสำนวนคดีคำฟ้องและกระบวนพิจารณาตลอดจนคำพิพากษาของศาลได้ อาจถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม2530 อ้างว่า จำเลยรู้ว่าถูกยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม2530 วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อขอคัดสำเนาสำนวนคดีเจ้าพนักงานศาลถ่ายสำเนาคดีให้จำเลยได้ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วันจำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบว่าถูกยึดทรัพย์การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้เงินกู้ 41,856 บาทพร้อมดอกเบี้ย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,501 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยจะอ้างพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ และยื่นคำขอให้มีการพิจารณาใหม่ในคดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์แก้ฎีกาว่า การที่จำเลยขอถ่ายสำเนาสำนวนคดีไม่อาจถือเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง บัญญัติว่าคำขอให้มีการพิจารณาใหม่ให้กล่าวโดยละเอียดแจ้งชัดซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินของศาล เมื่อจำเลยยังไม่ได้ตรวจดูสำนวนก็ย่อมไม่ทราบคำฟ้องและกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาล ไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ จึงอาจถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่คดีนี้จำเลยทราบว่าถูกยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 แต่มาขอคัดสำเนาสำนวนคดีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2530 เป็นเวลาภายหลังต่อมาถึง 11 วันข้ออ้างของจำเลยที่ว่าเดินทางไปต่างจังหวัดแม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานศาลถ่ายสำเนาสำนวนคดีให้จำเลยได้ภายใน8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้าน เจ้าหน้าที่ก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลได้ภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยรีบเร่งขวนขวายจัดทำเสียในเวลาอันสมควรตั้งแต่จำเลยทราบว่าถูกยึดทรัพย์ จำเลยก็จะสามารถยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้ทันภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบว่าถูกยึดทรัพย์ เช่นนี้ การที่จำเลยยื่นคำร้องล่าช้า เกิดขึ้นเพราะความบกพร่องของจำเลยโดยแท้ จึงจะอ้างไม่ได้ว่าเป็นเพราะพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลล่างให้ยกคำร้องของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share