คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16312/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้คัดค้านมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับทรัพย์มรดกและมีการฟ้องร้องผู้ร้องเพื่อเรียกทรัพย์คืนจากผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก การที่จะให้ ส. บุตรของผู้คัดค้านเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องคงจะไม่อาจร่วมกันจัดการเพื่อประโยชน์ของกองมรดกได้ เพราะอำนาจของผู้จัดการมรดกในกรณีที่มีสองคนนั้น การจัดการจะต้องดำเนินการร่วมกัน ถ้าเกิดเป็นสองฝ่ายแล้วกรณีก็ไม่อาจจะหาเสียงข้างมากตาม ป.พ.พ. มาตรา 1726 ได้ และคนใดคนหนึ่งก็ไม่อาจจัดการไปได้ จึงสมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียวแต่เพื่อมิให้เป็นการเสียหายแก่ฝ่ายผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทด้วยสมควรวางเงื่อนไขในคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกว่าถ้าจะจำหน่ายจ่ายโอนหรือก่อภาระติดพันกับทรัพย์มรดกที่มีหลักฐานทางทะเบียนให้แก่บุคคลที่มิใช่ทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกโดยมิได้รับความเห็นชอบจากทายาททุกคนแล้ว จะต้องขออนุญาตจากศาลก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายพิษณุ เจ้ามรดก
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกและตั้งนายสุรชัย เป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกแทน
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางอรอนงค์ ผู้ร้องและนายสุรชัย ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของนายพิษณุ เจ้ามรดก ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ตั้งนายสุรชัย ร่วมเป็นผู้จัดการมรดกของนายพิษณุ เจ้ามรดก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านมีเพียงว่า สมควรตั้งนายสุรชัยเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ร่วมกับผู้ร้องหรือไม่ ผู้คัดค้านฎีกาว่า การตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียวจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้คัดค้านและทายาทอื่น เนื่องจากผู้ร้องละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดก แต่มีพฤติการณ์จำหน่ายถ่ายเททรัพย์มรดก เห็นได้จากผู้ร้องยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกโดยไม่มีหนังสือยินยอมจากผู้คัดค้าน เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกก็มิได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบ ไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้ฟังคำสั่งศาลตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก และไม่เรียกประชุมทายาท แต่กลับโอนที่ดินมรดกให้แก่ตนเองหรือบุตรของผู้ร้อง รวมทั้งยังได้ถอนเงินฝากของเจ้ามรดกไปโดยทายาทอื่นมิได้ยินยอม ซึ่งหากจะต้องรอให้ผู้ร้องจัดการมรดกโดยทุจริตหรือไม่จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกเสียก่อนแล้วให้ผู้คัดค้านฟ้องร้องในภายหลังจะเป็นที่ยุ่งยากและฟ้องร้องกันไม่รู้จบ นั้น เห็นว่า เจ้ามรดกมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 100,000,000 บาท และผู้คัดค้านเองก็ฟ้องขอเรียกทรัพย์คืนจากผู้ร้องโดยอ้างว่าทรัพย์สินบางรายการมิใช่มรดกของเจ้ามรดก แสดงว่าผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลยังมีภาระหน้าที่ที่จะต้องรวบรวมทรัพย์มรดกซึ่งมีจำนวนมากมายหลายรายการ รวมทั้งต้องต่อสู้คดีที่ถูกผู้คัดค้านฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนดังกล่าว ผู้ร้องย่อมไม่สามารถลงมือจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้ฟังคำสั่งศาลตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1728 (2) ประกอบมาตรา 1716 โดยให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนตามมาตรา 1729 นับแต่เวลาที่ระบุไว้ในมาตรา 1728 เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง มิใช่ผู้ร้องละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดก ส่วนข้ออ้างที่ว่า ผู้ร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกโดยไม่มีหนังสือยินยอมจากผู้คัดค้านก็เป็นเรื่องก่อนที่ผู้ร้องจะมีภาระหน้าที่ผู้จัดการมรดก แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าผู้ร้องถอนเงินฝากของเจ้ามรดกจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาวงเวียน 22 กรกฎา จำนวน 2 บัญชี จนหมด ทั้งยังรับโอนที่ดินมรดกและได้โอนที่ดินบางส่วนให้แก่บุตรของผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกด้วย ก็เป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดก ซึ่งอาจมีข้อโต้แย้งสิทธิของผู้คัดค้านตามที่อ้างเท่านั้น หาใช่เหตุที่ผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ไม่ นอกจากนี้ผู้คัดค้านยังมีพฤติการณ์โต้แย้งเกี่ยวกับทรัพย์สินตามที่นายสุรชัยเบิกความว่า ผู้ตายเอาเงินของผู้คัดค้านไปลงทุนหลายล้านบาท ข้อโต้แย้งของผู้คัดค้านเช่นนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก การที่จะให้นายสุรชัยซึ่งเป็นบุตรของผู้คัดค้านเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง จึงเป็นที่เห็นได้ว่านายสุรชัยคงไม่อาจจะเข้าร่วมจัดการเพื่อประโยชน์ของกองมรดกได้โดยไม่มีข้อขัดแย้งกับผู้ร้อง เมื่ออำนาจของผู้จัดการมรดกในกรณีที่มีสองคนนั้น การจัดการจะต้องดำเนินการร่วมกัน ถ้าเกิดเป็นสองฝ่ายแล้วกรณีก็ไม่อาจจะหาเสียงข้างมากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1726 ได้ และคนใดคนหนึ่งก็ไม่อาจจัดการไปได้ ข้อขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกก็คงมีอยู่ต่อไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดีแก่กองมรดกและแก่ประโยชน์ของทายาทจึงสมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกแต่เพียงผู้เดียว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น แต่เพื่อมิให้เป็นการเสียหายแก่ฝ่ายผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทด้วยในกรณีที่ผู้ร้องจะจัดการมรดกไปในทางจำหน่ายจ่ายโอนหรือก่อภาระติดพันกับทรัพย์มรดกที่มีหลักฐานทางทะเบียนให้แก่บุคคลภายนอก โดยมิได้รับความเห็นชอบจากทายาททุกคนนั้น ต้องขออนุญาตจากศาลก่อนเป็นกรณีไป จึงสมควรวางเงื่อนไขดังกล่าวในคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก
พิพากษายืน ให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายพิษณุ เจ้ามรดก โดยมีสิทธิและหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด และอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ถ้าจะจำหน่ายจ่ายโอนหรือก่อภาระติดพันกับทรัพย์มรดกที่มีหลักฐานทางทะเบียนให้แก่บุคคลที่มิใช่ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกโดยมิได้รับความยินยอมจากทายาททุกคนแล้วจะต้องขออนุญาตศาลก่อนเป็นกรณีไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share