คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิด แม้จะปรากฏว่าหลังจากจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้ว พวกของจำเลยคนหนึ่งที่ร่วมกันมาฉุดผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเข้าข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนต่อมาจะไม่สามารถ สอดใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวก็ตาม แต่การที่พวกของจำเลยพยายามสอดใส่อยู่นาน 10 นาที ก็แสดงให้เห็นเจตนาที่จะรุมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงได้ชื่อว่าเป็นการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๙ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกับพวกที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง อีกคนหนึ่ง ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกาย นายอะกั๊วะ (ไม่มีชื่อสกุล) ผู้เสียหายที่ ๑ และนางน่อมื่อหรืออิมิหรืออิมึ (ไม่มีชื่อสกุล) ผู้เสียหายที่ ๒ โดยใช้ไม้ท่อนยาว ๗๐ เซนติเมตร จำนวน ๑ ท่อน เป็นอาวุธตีประทุษร้ายบริเวณศีรษะของผู้เสียหายที่ ๑ จำนวน ๑ ที และร่วมกันชกต่อย ผู้เสียหายที่ ๒ บริเวณปากจำนวน ๒ ที เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ ๑ และที่ ๒ ได้รับอันตรายแก่กาย และจำเลยกับพวกร่วมกันใช้เศษผ้ากางเกงจำนวน ๒ ชิ้น มัดมือผู้เสียหายที่ ๑ ให้ติดกับเสาไม้ข้างกระท่อมนา อันเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังและ ทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และจำเลยกับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลย กับพวก โดยร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำชกต่อยผู้เสียหายที่ ๒ บริเวณท้อง สีข้าง สะโพก และต้นขา จนผู้เสียหายที่ ๒ อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วจำเลยกับพวกผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๒ จนสำเร็จความใคร่คนละ ๑ ครั้ง อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เจ้าพนักงานยึดได้ไม้ท่อนและเศษผ้ากางเกง ๒ ชิ้น ดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๘๓, ๙๑, ๒๗๖, ๒๙๕, ๓๑๐ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๒๗๖ วรรคสอง, ๒๙๕, ๓๑๐ วรรคแรก เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง จำคุก ๑๕ ปี ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย จำคุก ๓ เดือน และฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น จำคุก ๓ เดือน รวมจำคุก ๑๕ ปี ๖ เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ หรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีนางน่อมื่อผู้เสียหายที่ ๒ เป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า เห็นและจำจำเลยได้ว่าเป็นคนร้าย ที่ร่วมกับพวกใช้ไม้ตีศีรษะของนายอะกวั๊ะผู้เสียหายที่ ๑ ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียหายที่ ๒ แล้วมัดผู้เสียหายที่ ๑ ไว้กับเสา จากนั้นได้พาผู้เสียหายที่ ๒ ขึ้นไปบนห้างไร่อีกแห่งหนึ่งและกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๒ จนสำเร็จความใคร่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่ ๒ ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้มั่นคงว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิด ตามฟ้องของโจทก์ อนึ่ง แม้จะปรากฏว่าหลังจากจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๒ เสร็จแล้ว พวกของจำเลยคนหนึ่งที่ร่วมกันมาฉุดผู้เสียหายที่ ๒ ไปข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเข้าข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนต่อมา จะไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ ๒ ได้เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวก็ตาม แต่การที่พวกของจำเลยพยายามสอดใส่อยู่นาน ๑๐ นาที เช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นเจตนาที่จะรุมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๒ การกระทำของจำเลย กับพวกจึงได้ชื่อว่าเป็นการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๒ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share