แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ถึงแม้ผู้เสียหายจะไม่ได้พักอาศัยอยู่กับมารดาเนื่องจากมารดานำไปฝากให้อยู่กับผู้อื่นก็ตามกรณีก็ยังถือว่าอยู่ในอำนาจปกครองของมารดาการที่จำเลยที่1พาผู้เสียหายไปโดยมารดาของผู้เสียหายมิได้ยินยอมย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของมารดาผู้เสียหายแล้วถึงแม้ว่าผู้เสียหายจะสมัครใจยินยอมก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าได้รับความยินยอมจากมารดาผู้เสียหายการกระทำของจำเลยที่1จึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเสียจากมารดา การกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญาหมายความถึงการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศต่อร่างกายบุคคลอื่นเช่นกอดจูบลูบคลำร่างกายของหญิงหรือชายเป็นการแสดงความใคร่ในทางเพศซึ่งต้องเป็นการกระทำต่อเนื้อตัวของบุคคลโดยตรงซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นความประพฤติที่น่าอับอายนอกรีตนอกแบบอยู่แล้วจะกระทำในที่รโหฐานหรือสาธารณสถานก็หามีผลแตกต่างกันไม่การที่ชายอื่นร่วมประเวณีกับผู้เสียหายในห้องของโรงแรมแม้จะเป็นที่มิดชิดแต่ก็เป็นการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศต่อร่างกายของบุคคลอื่นคือผู้เสียหายอันเป็นการกระทำอนาจารแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,282, 319
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสองและมาตรา 319 วรรคสองเป็นความผิดต่างกรรมเรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 วางโทษจำคุกตามมาตรา 282 วรรคสอง 4 ปี ตามมาตรา 319 วรรคสอง 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2ข้อแรกที่ว่าผู้เสียหายไม่ได้พักอาศัยอยู่กับมารดา การพาผู้เสียหายไป ไม่เป็นการพรากผู้เสียหายไปจากอำนาจปกครองของมารดานั้น เห็นว่า แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้พักอาศัยอยู่กับมารดาเพราะมารดานำไปฝากให้อยู่กับผู้อื่นก็ตาม ก็ไม่ถือว่าพ้นจากอำนาจปกครองของมารดา การที่จำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายไปโดยมารดาของผู้เสียหายมิได้ยินยอมนั้น ย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของมารดาผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่ 1 ต่อผู้เสียหายแม้ผู้เสียหายจะสมัครใจยินยอม ก็ถือไม่ได้ว่าได้รับความยินยอมเห็นชอบจากมารดาผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเสียจากมารดา ส่วนฎีกาข้อ 2 ของจำเลยที่ 2ที่ว่า จำเลยที่ 2 ให้พนักงานบริการของโรงแรมพาผู้เสียหายไปที่โรงแรมแล้วผู้เสียหายได้ร่วมประเวณีกับชายคนหนึ่งในห้องของโรงแรมไม่เป็นการอนาจาร เพราะคำว่าอนาจารตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2525 แปลว่าความประพฤติน่าอับอาย นอกรีต นอกแบบ การที่ผู้เสียหายเข้าไปอยู่ในห้องของโรงแรมที่มิดชิด ไม่มีใครอยู่ด้วยจึงไม่ถือว่าเป็นความประพฤติที่น่าอับอาย ไม่เป็นการอนาจารนั้นเห็นว่า การกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญานั้น หมายความถึงการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศต่อร่างกายบุคคลอื่น เช่น กอดจูบลูบคลำร่างกายของหญิงหรือชาย หรือเอาอวัยวะเพศของตนไปสัมผัสกับอวัยวะของผู้อื่นเป็นการแสดงความใคร่ในทางเพศซึ่งต้องเป็นการกระทำต่อเนื้อตัวของบุคคลโดยตรง ซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นความประพฤติที่น่าอับอาย นอกรีตนอกแบบอยู่แล้วจะกระทำในที่รโหฐานหรือสาธารณสถานก็หามีผลที่แตกต่างกันไม่ การที่ชายอื่นร่วมประเวณีกับผู้เสียหายในห้องของโรงแรมแม้จะเป็นที่มิดชิดแต่ก็เป็นการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศต่อร่างกายของบุคคลอื่นคือผู้เสียหาย อันเป็นการกระทำอนาจารแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 2จึงเป็นความผิดดังที่ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยมานั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน