คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องบรรยายว่า ลูกจ้างของจำเลยคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปได้ขับรถประจำทางของจำเลยในทางการที่จ้างรับส่งคนโดยสารตามเส้นทาง ได้ชนผู้ตาย ขณะเดินข้ามถนนด้วยความประมาท ดังนี้ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้ที่ขับรถยนต์ชนผู้ตายคือลูกจ้างของจำเลยมิใช่คนอื่นไม่จำเป็นต้องระบุชื่อก็ได้ฟ้องดังกล่าวจึงไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาฟ้องว่า โจทก์ที่ 1เป็นบิดา นายอายิดชา นายอายิดชากับโจทก์ที่ 2 เป็นสามีภริยากันโดยทำการสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายของอินเดีย ณ ประเทศอินเดียมีบุตรด้วยกัน 3 คน ลูกจ้างของจำเลยคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปได้ขับรถประจำทางในทางการที่จ้าง ได้ชนนายอายิดชาขณะเดินข้ามถนนทั้งนี้ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้นายอายิดชาตาย ขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เหตุที่เกิดขึ้นมิใช่ความประมาทของฝ่ายจำเลย ค่าเสียหายสูงเกินความจริง ไม่แน่นอน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน 80,000บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ในเรื่องอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ที่ 1 เป็นบิดาผู้ตาย โจทก์ที่ 2 กับผู้ตายเป็นสามีภรรยากัน มีบุตรด้วยกัน 3 คนจริงโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้นศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2515 ลูกจ้างของจำเลยคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปได้ขับรถประจำทางหมายเลขทะเบียน ก.ท.จ 0042ในทางการที่จ้างรับส่งคนโดยสารตามเส้นทางจากวงเวียน 22 กรกฎาไปตามถนนมิตรพันธ์มุ่งหน้าไปทางห้าแยกนพวงศ์ พอถึงหน้าบ้านเลขที่ 138ถนนมิตรพันธ์ ได้ชนนายอายิดชาขณะเดินข้ามถนนด้วยความประมาทเห็นว่าโจทก์ได้กล่าวในฟ้องแล้วว่าลูกจ้างจำเลยได้ขับรถยนต์ของจำเลยในทางการที่จ้างชนผู้ตาย ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้ที่ขับรถยนต์ชนผู้ตายคือลูกจ้างของจำเลยมิใช่คนอื่น ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อก็ได้ ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ดังนั้นฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่านายนิตย์ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์ของจำเลยด้วยความประมาทแต่ฝ่ายเดียว ดังนั้นจำเลยในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับนายนิตย์ลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง

ส่วนเรื่องค่าเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลล่างกำหนดค่าใช้จ่ายในการปลงศพและค่าทำบุญรวม 5,000 บาท กับค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูเป็นเงิน 75,000 บาทนั้น เป็นการสมควรแล้ว

พิพากษายืน

Share