แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแบ่งมรดกระหว่างทายาทด้วยกันนั้น. ทายาทจะต้องมีเจตนาร่วมกันเพื่อแบ่งมรดก. บิดายกที่ดินให้บุตร 200ตารางวา. ที่ดินนี้ไม่ใช่ของนางถนอมมารดาที่ถึงแก่กรรมแต่ผู้เดียว. จำเลยซึ่งเป็นบิดามีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วย.การยกให้ระบุชัดว่าให้เป็นทรัพย์ส่วนตัวของบุตร. ในฐานะจำเลยเป็นบิดาต้องสงเคราะห์บุตรของตนดังนี้. ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการแบ่งมรดกของนางถนอมภรรยาของจำเลยให้แก่บุตร.
บุตรได้รับการยกให้แล้วได้เอาที่ดินไปจำนอง 2 ครั้ง. จำเลยซึ่งเป็นบิดาไปไถ่คืนมา. การไถ่มานั้นเพื่อเอาที่ดินเป็นของจำเลยเอง แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียนใส่ชื่อจำเลย. บุตรเอาที่ดินไปขาย 70 ตารางวา เอาไปจำนอง 130 ตารางวาเป็นเรื่องของจำเลยผู้เป็นบิดาจะไปว่ากล่าวต่างหากไม่เกี่ยวกับมรดกของภรรยาจำเลย. ซึ่งจำเลยจะขอให้หักเป็นส่วนได้ของบุตรด้วยไม่ได้.
ย่อยาว
คดีนี้เป็นคดีอุทลุม พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยแทนนางน้อมบุตรของจำเลยว่าจำเลยกับนางถนอมสมรสกันเมื่อ พ.ศ. 2465โดยนางถนอมมีสินเดิมฝ่ายเดียว มีบุตรด้วยกัน 5 คน พ.ศ. 2498นางถนอมตายมีทรัพย์มรดกคือที่ดินหนึ่งแปลงเรือนหนึ่งหลังรวมราคา1,545,000 บาท เมื่อหักสินเดิมออก คงเหลือสินสมรสจะต้องแบ่งเป็นของนางถนอม 2 ส่วน ของจำเลย 1 ส่วน มรดกของนางถนอมจะต้องแบ่งระหว่างทายาท 7 คน ทายาทได้ปกครองร่วมกันมา นางน้อมบุตรจำเลยขอแบ่งจำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การว่า จำเลยและนางถนอมมีสินเดิมด้วยกันทั้งสองฝ่ายระหว่างอยู่กินด้วยกันมีสินสมรสตามฟ้อง หลังจากนางถนอมถึงแก่กรรมจำเลยได้ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าวในฐานะเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวคดีโจทก์ขาดอายุความ การแบ่งสินสมรสนางถนอมมีส่วนได้เพียง 1 ใน 3ซึ่งจะต้องนำไปแบ่งระหว่างทายาท 7 คน พ.ศ. 2502 จำเลยได้โอนที่ดินให้นางน้อม 200 ตารางวา ต่อมานางน้อมเอาไปขายฝากใกล้จะหลุด จำเลยได้ไถ่คืนแต่ยังไม่ได้แก้โฉนด นางน้อมได้แบ่งที่ดินขาย 70 ตารางวาส่วนที่เหลือก็เอาไปขายฝาก จำเลยได้ไถ่คืน 2 คราว เป็นเงิน 80,000บาท เกินส่วนได้ในมรดกนางน้อมจึงไม่มีสิทธิขอแบ่งมรดกจากจำเลยอีก ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่านางถนอมและจำเลยต่างมีสินเดิมด้วยกัน แต่ราคาเท่าใดฟังเป็นแน่นอนไม่ได้และสินเดิมหมดแล้วมีสินสมรสคือที่ดินและเรือน เมื่อนางถนอมตาย ทายาทยังไม่ได้แบ่งมรดกของนางถนอมคงครอบครองร่วมกันมา เกี่ยวกับที่ดิน 200 ตารางวานั้นจำเลยได้ยกที่ดินส่วนของจำเลยให้นางน้อมเป็นส่วนตัวหาได้เกี่ยวกับมรดกไม่ พิพากษาให้แบ่งที่ดินและเรือนออกเป็น 3 ส่วน เป็นมรดกของนางถนอม 1 ใน 3 ในหนึ่งส่วนนี้เมื่อหักค่าทำศพ ค่าต่อเติมเรือนออกเหลือเท่าใด ให้แบ่งให้นางน้อม 1 ใน 7 ส่วน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้โอนที่มรดกให้นางน้อมไป200 ตารางวาแล้วนางน้อมไปทำหนี้ไม่มีเงินไถ่ที่แปลงนี้ จำเลยจึงเอาเงินกองมรดกไถ่ที่แปลงนี้ให้นางน้อมเป็นเงิน 80,000 บาท ต่อมานางน้อมเอาที่ไปขาย 70 ตารางวา เห็นว่าที่จำเลยโอนที่มรดกให้นางน้อมเมื่อคำนวณราคาแล้วมากกว่าส่วนที่นางน้อมจะได้รับ นางน้อมจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องมรดกอีก พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การแบ่งมรดกระหว่างทายาทนั้น ทายาทจะต้องมีเจตนาร่วมกันเพื่อแบ่งมรดก ที่นางน้อมขอที่ดิน 200 ตารางวานั้นหาเป็นการร่วมกันเพื่อแบ่งมรดกไม่ ถ้าเป็นการแบ่งมรดกของนางถนอมแล้วนางน้อมก็ควรได้มากกว่านี้ ที่ดิน 200 ตารางวาที่จำเลยให้นางน้อมหาใช่เป็นทรัพย์มรดกของนางถนอมภรรยาจำเลยแต่ผู้เดียวไม่ จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ 2 ใน 3 ส่วน จำเลยยกที่ดินให้เป็นทรัพย์ส่วนตัวในฐานะที่จำเลยเป็นบิดาต้องสงเคราะห์บุตรของตน ส่วนเงิน 80,000 บาทจำเลยเอาไปไถ่ถอนที่ดินคืนมานั้น ที่จำเลยไถ่ถอนมาเพื่อเอาที่เป็นของจำเลย แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียน จำเลยไม่มีเจตนาไถ่ถอนคืนมาให้นางน้อม การที่นางน้อมเอาที่ดินไปขาย 70 ตารางวา และเอาไปจำนอง 130ตารางวาเป็นเรื่องของจำเลยจะไปว่ากล่าวต่างหาก ไม่เกี่ยวกับมรดกนางถนอมภรรยาของจำเลย ที่ดิน 200 ตารางวาที่จำเลยยกให้แก่นางน้อมนั้นไม่ใช่มรดกของนางถนอมที่นางน้อมได้รับส่วนแบ่งไปแล้ว มรดกนางถนอมยังไม่ได้แบ่งกันระหว่างทายาท จำเลยจึงต้องแบ่งให้นางน้อมตามกฎหมาย พิพากษากลับ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.