คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การโอนหนี้เงินกู้ให้ผู้อื่นโดยลูกหนี้มิได้รู้เห็นยินยอมนั้น ถ้ามิได้บอกกล่าวเป็นหนังสือให้ลูกหนี้ทราบแล้ว ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจะฟ้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่ตนไม่ได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาตกลงกันว่า จำเลยสัญญาจะส่งเงินให้โจทก์เป็นคราว ๆ จนครบจำนวน 12405 บาท แล้วโจทก์จะโอนที่ดินซึ่งเดิมเป็นของผู้อื่นให้จำเลยดังนี้ ตราบใดที่โจทก์ยังไม่แสดงว่าพร้อมจะชำระหนี้ คือโอนที่ดินนั้นให้แก่จำเลยได้แล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้แต่ฝ่ายเดียวโดยไม่ยอมชำระหนี้ของตนนั้นหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ ในชั้นต้นหม่อมสวาสดิ์ ดิสกุลเป็นโจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยได้เป็นหนี้เงินกู้ และได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่ร้อยโทสินหลั่ง เกตุทัต ตามสำเนาหนังสือหมายเลข ๑-๒ ท้องฟ้อง ร้อยโทสินหลั่งได้โอนหนี้ให้แก่โจทก์ตามสำเนาหนังสือหมายเลข ๓ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้ต้นเงิน ๑๒๔๐๕ บาท แก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า การโอนหนี้จำเลยไม่ได้รู้เห็นยินยอม ไม่ได้รับบอกกล่าว โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญาแลต่อสู้อย่างอื่นอีกหลายประการ
ร.ท.สินหลั่ง จึงได้ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม และยื่นคำขอเพิ่มเติมฟ้องว่า ถ้าจำเลยมิต้องใช้เงินให้โจทก์ ก็ขอให้จำเลยใช้เงินตามคำขอท้ายฟ้องให้แก่ ร.ท.สินหลั่ง ศาลสั่งอนุญาต ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่าการโอนสิทธิเรียกร้องในคดีนี้ โจทก์แสดงไม่ได้ว่าได้บอกกล่าวแก่ลูกหนี้คือจำเลยแล้ว จึงไม่สมบูรณ์ หม่อมสวาสดิ์จึงไม่สิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยส่วนคดีสำหรับ ร.ท.สินหลั่ง กับจำเลยตกลงกันว่า จำเลยสัญญาจะส่งเงินให้โจทก์เป็นคราว ๆ จนครบจำนวน ๑๒๔๐๕ บาท แล้วโจทก์จะโอนกรรมสิทธิที่ดินตามโฉนด ซึ่งเดิมเป็นของนายอ๋อ ๑ แปลง ของนายแปลก ๑ แปลง ให้แก่จำเลย ฉะนั้น เมื่อโจทก์ไม่แสดงว่าโจทก์พร้อมจะชำระหนี้ตอบแทน คือโอนที่ดินทั้งสองแปลงนั้นให้แก่จำเลยได้แล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยชำระแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ยอมชำระหนี้ของตนนั้นหาได้ไม่ และยังได้ความว่า โจทก์ได้โอนที่ดินทั้ง ๒ แปลงนั้นให้ผู้อื่นไปแล้ว จึงพิพากษายืน

Share