คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1616/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความได้ก่อนคดีถึงที่สุดนั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์แล้ว โจทก์มิได้แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกผู้เสียหายมาเพื่อสอบถาม ผู้เสียหายก็ไม่มา ศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้เสียหายก็จับไม่ได้ ในที่สุดศาลชั้นต้นจึงไต่สวนพยานจำเลย จำเลยนำพยานมาสืบยืนยันว่าจำเลยได้ชำระเงินให้ผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ลงชื่อในคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จริงเมื่อผู้เสียหายไม่ยอมมาศาลและปฎิเสธว่าตนมิได้ลงชื่อในคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ข้อเท็จจริงก็ต้องฟังว่าผู้เสียหายได้ลงชื่อในคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ตามที่จำเลยนำมายื่นต่อศาลจริงเมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 21,000 บาท และ 75,000 บาทมอบให้แก่นางสาวเรณูผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้ ผู้เสียหายนำเช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวเข้าบัญชีของผู้เสียหายเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ลงโทษจำคุกทั้งสองกระทง

จำเลยอุทธรณ์

ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยยื่นคำร้องว่า ผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์แล้วปรากฏตามคำร้องของผู้เสียหาย ขอให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์ เพื่อจำหน่ายคดี

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สอบโจทก์ และออกหมายเรียกผู้เสียหายมาศาลเพื่อสอบถามในที่สุดไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาศาล ศาลชั้นต้นจึงให้ส่งคำร้องของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อให้ดำเนินการให้ผู้เสียหายยืนยันในการถอนคำร้องทุกข์ และคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์เสียก่อน

ศาลชั้นต้นไม่อาจสอบผู้เสียหายได้ จึงส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ให้ยกคำร้องของจำเลย แล้วพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ในระหว่างฎีกาศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้เสียหายแต่ก็จับไม่ได้ และได้ไต่สวนตามคำร้องของจำเลยว่าผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์แล้วจริงหรือไม่ แล้วส่งสำนวนมายังศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความได้ก่อนคดีถึงที่สุด จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์แล้วปรากฏตามคำร้องของผู้เสียหายลงวันที่ 27 มิถุนายน2523 ซึ่งมีใจความว่าผู้เสียหายไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป เพราะตกลงกันได้แล้วจึงขอถอนคำร้องทุกข์ ขอศาลได้โปรดอนุญาต ลงชื่อเรณู ศักดิ์สูง ผู้เสียหายผู้ร้องโจทก์มิได้แถลงคัดค้านประการใด ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกผู้เสียหายมาเพื่อสอบถามผู้เสียหายก็ไม่มา ศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้เสียหายก็จับไม่ได้ ในที่สุดศาลชั้นต้นจึงไต่สวนพยานจำเลย จำเลยอ้างตนเองและนายบุญเรือน ผาสุข ภริยาจำเลยเป็นพยานเบิกความยืนยันว่า จำเลยได้ชำระเงินให้ผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ลงชื่อในคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จริง เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมมาศาลและปฏิเสธว่าตนมิได้ลงชื่อในคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ ข้อเท็จจริงก็ต้องฟังว่าผู้เสียหายได้ลงชื่อในคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ตามที่จำเลยนำมายื่นต่อศาลจริง เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39

จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

Share