คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ปแทงผู้ตายซึ่งเป็นหญิงปราศจากอาวุธ และไม่อยู่ในฐานะที่จะหลบหลีกหรือต่อสู้จำเลยได้ โดยจ้วงแทงเอาอย่างไม่ยับยั้ง เกิดเป็นบาดแผลที่ร่างกายผู้ตาย 30 กว่าแผลและผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาดังนี้ เมื่อมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยแทงผู้ตายทีสองทีแล้วมีโทสะจริตคลุ้มคลั่งตามติดขึ้นมา จนขาดสติ จึงได้แทงผู้ตายไปโดยไม่ยับยั้งเช่นนั้นแล้วก็ยังไม่พอจะถือว่าจำเลยได้กระทำไปด้วยการทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2510 เวลากลางวัน จำเลยมีเจตนาฆ่าด้วยการไตร่ตรองไว้ก่อน ใช้เหล็กขูดชาร์ปแทงนางนวลแข วัฒนรณชัย หลายที ด้วยการทารุณโหดร้าย และนางนวลแขถึงแก่ความตายและจำเลยยังได้แทงทำร้ายนางวรางค์ ทัศนาทร ผู้เข้าขัดขวางจำเลยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่ตำบลบางรัก อำเภอบางรัก จังหวัดพระนครขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(4) (5),297(8) กับสั่งริบเหล็กขูดชาร์ปของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ แล้วยื่นคำให้การใหม่ว่า แทงโดยบันดาลโทสะ มิใช่ไตร่ตรองไว้ก่อน

พลตรีชูศักดิ์ วัฒนรณชัย สามีผู้ตาย ร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 297(8) ลงโทษตามมาตรา 288ที่เป็นกระทงหนัก ตามมาตรา 91 วางโทษประหารชีวิต ลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกจำเลยไว้ 20 ปี ของกลางริบ

โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการฆ่าโดยการทารุณโหดร้าย การรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐาน ไม่เห็นสมควรลดโทษให้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5), 297(8)ให้ลงโทษตามมาตรา 289(5) ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 ให้ประหารชีวิต โดยไม่ลดโทษตามมาตรา 78 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษและลดโทษดังศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถ้าดูจากบาดแผลที่ปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์พยานอยู่ในชั้นหลังนี้กับปรากฏว่าจำเลยจ้วงแทงเอาแทงเอาโดยไม่ยับยั้งอะไรนั้น ก็เป็นเหตุการณ์ส่วนหนึ่งที่สำแดงถึงการทารุณโหดร้ายได้จริง แต่การกระทำที่ว่าเป็นทารุณโหดร้ายตามมาตรา 289(5) นี้ มีข้อที่ควรจะได้พิจารณาถึงชีวิตจิตใจของผู้กระทำผิดในขณะที่กระทำนั้นด้วย ในเรื่องนี้ปรากฏว่าจำเลยนึกโกรธแค้นขึ้นมาจึงได้กระทำลงในขณะที่รู้แน่ชัดว่าผู้ตายดุด่าแล้วยังกำลังเขียนหนังสือเพื่อที่จะให้ตนออกจากงาน แม้จะปรากฏว่าจำเลยแทงผู้ตายหลายครั้ง และใช้เวลานานขนาดที่คนจะเข้าช่วยผู้ตายต้องกลับไปหาอาวุธมาสู้เสียก่อน แต่หาไม่ทัน ก็กลับเข้ามาแต่มือเปล่า พอคนที่จะช่วยร้องให้สติจำเลยว่า “เฮ้ยหยุด” จำเลยก็หยุดทันทีและทิ้งมีดยอมให้คนมือเปล่าพาเอาตัวไปเป็นการตัวต่อตัว แม้แต่คนจับได้ถามว่าเรื่องอะไรกัน จำเลยก็งงจนไม่พูดอะไรได้ นั้น แสดงว่าจำเลยแทงลงไปทีสองทีแล้วได้มีโทสะจริตคลุ้มคลั่งตามติดขึ้นมา จนขาดสติจึงได้กระทำแก่คนที่ไม่มีทางสู้ต่อไปถึงเช่นนั้นต่อเมื่อมีคนมาตะโกนร้องให้สติทั้งที่จำเลยยังไม่น่าจะนึกกลัวคนนั้นอย่างไรจำเลยก็จะเลิกเสียทันที ดังนี้ จึงเห็นว่ายังไม่พอที่จะถือว่าจำเลยได้กระทำทารุณโหดร้าย การกระทำผิดของจำเลยไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมา จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 288 ดังที่ศาลชั้นต้นวางบทลงโทษจำเลย

ในกรณีที่จำเลยขอให้ลดหย่อนผ่อนโทษเพราะจำเลยรับสารภาพผิดแต่โดยดี และโดยความสำนึกว่าตนผิดไปแล้วอย่างจริงใจนั้น เห็นว่า ลักษณะของเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจักษ์แก่คนหมู่มากเช่นนี้และยากแก่การที่จำเลยจะหลบหนีไปไหนพ้นนั้น แม้จำเลยจะไม่รับคดีในที่สุดก็พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดได้ ยังไม่เป็นเหตุพอถึงขนาดที่จะต้องลดหย่อนผ่อนโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แต่เป็นเหตุผลอันหนึ่งที่จะได้คำนึงถึงการกำหนดโทษจำเลย

ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 297(8) ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ที่เป็นกระทงหนักให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิตเหล็กขูดชาร์ปของกลางริบ

Share