แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 182 วรรค 3 แล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ฉะนั้นหากโจทก์จะฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็จะรับพิจารณาฎีกาของโจทก์ไม่ได้ต้องให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔,๓๓๕(๑๔)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
คดีนี้ ปรากฎว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียว ส่วนจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียว เป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๘๒ วรรค ๓ แล้ว เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๑๖ ฉะนั้นศาลฎีกาจะรับพิจารณาในชั้นนี้ไม่ได้ จึงให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป