คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สิบตำรวจโท ช. สืบทราบว่าบ้านของจำเลยเป็นแหล่งลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษก็ได้ใช้วิธีซุ่มดูพฤติการณ์ของจำเลย เมื่อเห็นจำเลยขุดบริเวณแปลงผักและนำสิ่งของใส่ในหลุมที่ขุดแล้วกลบไว้ จึงใช้วิทยุสื่อสารเรียกเจ้าพนักงานตำรวจที่รออยู่ให้ไปที่เกิดเหตุและได้ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อขอตรวจค้น เมื่อใช้จอบขุดบริเวณที่จำเลยกลบไว้ก็พบเมทแอมเฟตามีน กรณีดังกล่าวถือได้ว่ามีเหตุสงสัยตามสมควรว่าสิ่งของที่ได้มาโดยการกระทำผิดได้ซ่อนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ประกอบทั้งมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายเสียก่อน แม้สิบตำรวจโท ช. กับพวกเข้าค้นโดยไม่มีหมายค้นก็สามารถกระทำได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102และริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง(ที่ถูกมาตรา 102 ด้วย) จำคุก 9 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก7 ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78แล้วคงจำคุก 4 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจวางแผนจับกุมโดยไม่มีการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนและมิได้ออกหมายค้น จึงเป็นการจับกุมที่มิชอบและไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง เห็นว่า การวางแผนจับกุมจำเลยในคดียาเสพติดให้โทษนั้น ย่อมกระทำได้หลายวิธี หาจำเป็นต้องใช้สายลับล่อซื้อยาเสพติดให้โทษเสมอไปไม่ ในคดีนี้ เมื่อสิบตำรวจโทชาญชัย จอมอาสาพยานโจทก์สืบทราบว่าบ้านของจำเลยเป็นแหล่งลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ก็ได้ใช้วิธีซุ่มดูพฤติการณ์ของจำเลยในบริเวณกอไผ่ห่างจากบ้านของจำเลยประมาณ 20 เมตร และเมื่อเห็นจำเลยขุดบริเวณแปลงผักและนำสิ่งของใส่ในหลุมที่ขุดแล้วกลบไว้ สิบตำรวจโทชาญชัยจึงใช้วิทยุสื่อสารเรียกเจ้าพนักงานตำรวจที่รออยู่ให้ไปยังที่เกิดเหตุ ส่วนพยานได้ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อขอตรวจค้น และในที่สุด เมื่อใช้จอบขุดบริเวณที่จำเลยกลบไว้ก็พบเมทแอมเฟตามีน จึงยึดไว้เป็นของกลางกรณีดังกล่าวถือได้ว่ามีความสงสัยตามสมควรว่าสิ่งของที่ได้มาโดยการกระทำผิดได้ซ่อนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ประกอบทั้งมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายเสียก่อน ดังนั้น แม้สิบตำรวจโทชาญชัยกับพวกเข้าค้นเมทแอมเฟตามีนในที่ดินจำเลยโดยไม่มีหมายค้นก็สามารถกระทำได้โดยชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(4) นอกจากนี้ จำเลยยังให้การรับสารภาพทั้งชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนตลอดมา แม้ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก็มิได้ต่อสู้ว่า การที่จำเลยรับสารภาพดังกล่าวเป็นเพราะถูกข่มขู่ บังคับ หรือหลอกลวงแต่อย่างใด พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้มั่นคงว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาลงโทษจำเลยนั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share