คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามฟ้องโจทก์ โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ ส่วนการจะแบ่งโดยวิธีใดและได้ส่วนแบ่งเป็นที่ดินหรือเงินนั้นโจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องหลายประการซึ่งศาลย่อมมีอำนาจที่จะแบ่งให้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 อยู่แล้ว การที่ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง โดยวิธีการแบ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1364 ไม่เป็นการพิพากษาที่ไม่ตรงตามคำขอของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 8694 เนื้อที่ 12 ไร่ 2 งานเป็นที่ดินที่โจทก์มีส่วนถือกรรมสิทธิ์รวมจำนวน 4 ใน 6 ส่วนจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ร่วมกับโจทก์โดยจำเลยทั้งสองมีส่วนคนละ 1 ใน 6 ส่วน ก่อนฟ้องโจทก์ประสงค์จะแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 8694 จึงได้แจ้งให้จำเลยไปแบ่งแยกที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร แต่จำเลยทั้งสองไม่ไปขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเอาที่ดินโฉนดเลขที่ 8694 แบ่งจดทะเบียนแยกกันระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง ถ้าส่วนแบ่งให้ไม่เท่ากันให้ทดแทนกันเป็นเงิน ถ้าการแบ่งเช่นว่านี้ไม่อาจทำได้ ขอให้นำที่ดินดังกล่าวขายโดยประมูลราคากันระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองหรือขายทอดตลาดโดยออกค่าใช้จ่ายตามอัตราส่วนที่มีกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน หากจำเลยทั้งสองไม่ยอมปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินที่พิพาท จำนวน 1 ใน 6 ส่วน ซึ่งคิดเป็นเนื้อที่ประมาณ2 ไร่เศษ จำเลยที่ 1 ได้เข้ายึดถือครอบครองโดยให้ผู้อื่นเช่าปลูกบ้านพักอาศัยประมาณ 10 ครอบครัว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่จำเลยที่ 2ได้รับมรดกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2502 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้เข้ายึดถือครอบครองเป็นส่วนสัดได้ปรับปรุงพื้นที่กับสร้างเขื่อนคอนกรีตในที่ดินด้านที่อยู่ติดกับคลอง โจทก์เคยขอแบ่งแยกที่ดินกับจำเลยที่ 2 แต่ตกลงกันไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 8694 ตำบลบ้านแพ้วอำเภอบ้านแพ้ว (ตลาดใหม่) จังหวัดสมุทรสาคร (นครไชยศรี)ระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง วิธีการแบ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาโดยจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้งได้ความว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่พิพาทร่วมกัน โดยโจทก์ถือกรรมสิทธิ์4 ใน 6 ส่วน จำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์คนละ 1 ใน 6 ส่วน โจทก์และจำเลยทั้งสองมิได้แบ่งแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาตรงตามคำขอของโจทก์หรือไม่ ได้พิจารณาคำฟ้องของโจทก์แล้ว ตามฟ้องโจทก์ โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ ส่วนการจะแบ่งโดยวิธีใดและได้ส่วนแบ่งเป็นที่ดินหรือเงินนั้นโจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องหลายประการซึ่งศาลย่อมมีอำนาจที่จะแบ่งให้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1364 อยู่แล้ว ไม่เป็นการพิพากษาที่ไม่ตรงตามคำขอของโจทก์การแบ่งตามบทกฎหมายดังกล่าวนั้น ในกรณีที่เจ้าของรวมตกลงกันไม่ได้ก็ต้องใช้บทบัญญัติในวรรคสองของมาตราดังกล่าวดำเนินการ ซึ่งตามฎีกาของจำเลยทั้งสองก็รับว่าจะต้องแบ่งตามบทบัญญัติดังกล่าว”
พิพากษายืน

Share