แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามฟ้องโจทก์ โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ ส่วนการจะแบ่งโดยวิธีใดและได้ส่วนแบ่งเป็นที่ดินหรือเงินนั้นโจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องหลายประการซึ่งศาลย่อมมีอำนาจที่จะแบ่งให้ได้ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา1364 ไม่เป็นการพิพากษาที่ไม่ตรงตามคำขอของโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเอาที่ดินโฉนดเลขที่ 8694 ตำบลบ้านแพ้ว อำเภอบ้านแพ้ว (ตลาดใหม่) จังหวัดสมุทรสาคร (นครไชยศรี)แบ่งจดทะเบียนแยกกันระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง ถ้าส่วนแบ่งให้ไม่เท่ากันให้ทดแทนกันเป็นเงิน ถ้าการแบ่งเช่นว่านี้ไม่อาจทำได้ขอให้นำที่ดินดังกล่าวขายโดยประมูลราคากันระหว่างโจทก์ และจำเลยทั้งสองหรือขายทอดตลาดโดยออกค่าใช้จ่ายตามอัตราส่วนที่มีกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน หากจำเลยทั้งสองไม่ยอมปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้เข้ายึดถือครอบครองโดยให้ผู้อื่นเช่าปลูกบ้านพักอาศัยประมาณ 10 ครอบครัว ซึ่งโจทก์ทราบดี โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ได้เข้ายึดถือครอบครองเป็นส่วนสัด ที่ดินที่พิพาทโจทก์ซื้อมาโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 8694 ตำบลบ้านแพ้วอำเภอบ้านแพ้ว (ตลาดใหม่) จังหวัดสมุทรสาคร (นครไชยศรี) ระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง วิธีการแบ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาโดยจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้งได้ความว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่พิพาทร่วมกัน โดยโจทก์ถือกรรมสิทธิ์4 ใน 6 ส่วน จำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์คนละ 1 ใน 6 ส่วน โจทก์และจำเลยทั้งสองมิได้แบ่งแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาตรงตามคำขอของโจทก์หรือไม่ได้พิจารณาคำฟ้องของโจทก์แล้ว ตามฟ้องโจทก์ โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ ส่วนการจะแบ่งโดยวิธีใดและได้ส่วนแบ่งเป็นที่ดินหรือเงินนั้นโจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องหลายประการซึ่งศาลย่อมมีอำนาจที่จะแบ่งให้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 อยู่แล้วไม่เป็นการพิพากษาที่ไม่ตรงตามคำขอของโจทก์ การแบ่งตามบทกฎหมายดังกล่าวนั้น ในกรณีที่เจ้าของรวมตกลงกันไม่ได้ก็ต้องใช้บทบัญญัติในวรรคสองของมาตราดังกล่าวดำเนินการ ซึ่งตามฎีกาของจำเลยทั้งสองก็รับว่าจะต้องแบ่งตามบทบัญญัติดังกล่าว ส่วนที่จำเลยทั้งสองขอมาในฎีกาว่าจะให้แบ่งตามความกว้างนั้นเป็นการกล่าวอ้างขึ้นมาใหม่ทั้งไม่เป็นไปตามบทกฎหมายว่าด้วยการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม จึงไม่มีกรณีที่ศาลฎีกาจะพิพากษากลับหรือแก้การแบ่งตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นมา ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.