คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวจากโจทก์มีกำหนด 3 ปี มีบันทึกต่อท้ายสัญญาว่า ‘เมื่อสัญญาเช่าฉบับนี้หมดอายุ และคู่สัญญาตกลงกันที่จะต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปอีก 3 ปี ผู้ให้เช่าสัญญาว่าจะเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าในอัตราไม่ เกินกว่า 20,000 บาทต่อเดือน’ บันทึกดังกล่าวมีความหมายว่า เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด ถ้าคู่สัญญาตกลงกันที่จะ เช่าต่อไปอีก 3 ปี ผู้ให้เช่าจะคิดค่าเช่าไม่เกินเดือนละ20,000 บาท ซึ่งคู่สัญญาจะต้องทำสัญญาเช่ากันใหม่ เมื่อคู่สัญญามิได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่เพราะไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยเช่าอีกต่อไป จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกแถวดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวจากโจทก์เพื่อประกอบการค้ามีกำหนดเวลา 3 ปี ค่าเช่าเดือนละ 17,000 บาท บัดนี้ครบกำหนดตามสัญญาแล้วโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปโดยมิพักต้องบอกกล่าว โจทก์เตือนให้จำเลยและบริวารออกไป แต่จำเลยกับบริวารเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ

จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าตึกแถวตามฟ้องจากโจทก์ มีกำหนด 6 ปี แต่ทำสัญญากันเพียง 3 ปี โดยโจทก์บันทึกคำมั่นไว้ต่อท้ายสัญญาว่า เมื่อครบ 3 ปีแล้วโจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 3 ปี เมื่อครบกำหนดตามสัญญา จำเลยได้มีหนังสือยืนยันเพื่อเช่าต่อไป โจทก์กลับมาฟ้องจำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จำเลยยังมีสิทธิเช่าต่อไปตามคำมั่นท้ายสัญญาเช่า ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนค่าเสียหาย

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความตามบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่า ข้อ 3 ที่ว่า”เมื่อสัญญาเช่าฉบับนี้หมดอายุ และคู่สัญญาตกลงกันที่จะต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปอีก 3 ปี ผู้ให้เช่าสัญญาว่าจะเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าในอัตราไม่เกินกว่า20,000 บาท ต่อเดือน” หมายความว่า เมื่อสัญญาเช่าหมดอายุหรือครบกำหนดแล้วถ้าคู่สัญญาตกลงกันที่จะเช่าต่อไปอีก 3 ปี ผู้ให้เช่าจะคิดค่าเช่าไม่เกินเดือนละ20,000 บาท ซึ่งคู่สัญญาจะต้องทำสัญญากันใหม่จึงจะมีผลใช้บังคับได้ แต่โจทก์จำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่ เพราะโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไปจำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกแถวพิพาทอีกต่อไป โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้

พิพากษายืน

Share