แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บาดแผลที่ถูกทำร้ายฟกบวมช้ำโลหิตซับนับว่าถึงบาดเจ็บตาม ม.256 พ้นโทษครั้งแรกไปจนถึงวันทำผิดคดีนี้เกิน 5 ปี แล้วอย่าง 1 กับพ้นโทษครั้งที่ 2 ภายหลังที่ ทำผิดคดีนี้อีกอย่าง 1 ทั้ง 2 อย่างนี้เพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ วิธีพิจารณาอาชญา หลักวินิจฉัยคำว่าไม่แตกกับฟกบวมช้ำโลหิตชับนั้นไม่ใช่คำโต้แย้งกัน ฟังรวมไปด้วยกันได้
ย่อยาว
ได้ความว่าเมื่อวันที่ ๑๓/๑/๗๓ จำเลยตี ว.ด้วยไม้ตะพดโตเท่าเหรียญบาทตามคำชันสูตร์บาดแผลปรากฎว่ามีแผลที่หน้าผากฟกบวมช้ำโลหิตขับ โจทก์ฟ้องขอลงโทษแลเพิ่มโทษจำเลยเมื่อวันที่ ๘/๑/๗๖
ศาลเดิมตัดสินว่าความผิดของจำเลยเข้ามาตรา ๓๓๘ ข้อ ๑ แต่โจทก์ฟ้องเกินอายุความจึงให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าบาดแผลที่ที่ ว. ถูกทำร้ายนับว่าถึงบาดเจ็บ จำเลยมีผิดตาม ม.๒๕๔ ให้จำคุก ๓ เดือนเพิ่มโทษตาม ม.๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวมเป็นโทษ ๔ เดือน
จำเลยฎีกาว่า เจ้าทุกข์เบิกความว่าถูกตีที่ศีร์ษะฟกช้ำไม่แตก ศาลอุทธรณ์ไม่ควรฟังคำชันสูตร์ซึ่งมีความขัดกัน
ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่าไม่แตกกับฟกบวมช้ำโลหิตขับนั้นไม่ใช่เป็นคำโต้แย้งกัน ฟังรวมกันไปได้ แลเห็นชอบด้วยตามที่ศาลอุทธรณ์ตัดสิน เว้นแต่ข้อเพิ่มโทษนั้นเห็นว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกไปจนถึงวันทำผิดคดีนี้ เกิน ๕ ปี ส่วนโทษครั้งที่ ๒ จำเลยพ้นโทษไปเมื่อ วันที่ ๑๐/๑๑/๗๓ ซึ่งภายหลังที่จำเลยทำผิดคดีนี้ จะยกมาเพิ่มโทษไม่ได้จึงตัดสินแก้ว่าไม่ต้องเพิ่มโทษจำเลยนอกนี้ยืนตาม