แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาจำนอง ซึ่งมีข้อความว่าเป็นประกันเงิน ซึ่งผู้จำนองเป็นหนี้นั้น ถ้าผู้รับจำนองจะขอสืบว่าการรับจำนองนั้นผู้รับจำนองแสดงเจนาไปด้วยสำคัญผิดว่า ผู้จำนองจำนองเพื่อประกันบุคคลอื่น ฉะนั้นที่ทำสัญญาไปเป็นการประกันผู้จำนองเอง จึงเป็นการแสดงเจตนาด้วยสำคัญผิดในสิ่ง ซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเพื่อต่อสู้ว่า นิติกรรมเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 119 นั้น ผู้รับจำนองอาจนำสืบได้ แต่ถ้าผู้รับจำนองขอสืบว่า ข้อความในสัญญาจำนองที่มีว่า “เป็นประกันเงิน ซึ่งผู้จำนองเป็นหนี้” เป็นว่าเป็นประกันบุคคลอื่นเพื่อให้สัญญาจำนองมีผลบังคับได้ดั่งข้อความที่ผู้รับจำนองขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 (ข)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ต้องการเปิดบัญชีเบิกเงินจากจำเลย ๑๐๐๐๐ บาท จึงได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทำสัญญาจำนองที่ดินโฉนดที่ ๒๗๕๗ ให้แก่จำเลยโจทก์ไม่เคยเป็นหนี้จำเลยมาก่อนเลย ต่อมาโจทก์ขอเปิดบัญชีเบิกเงิน จำเลยไม่ยอมและยึดโฉนดไว้ ทำให้โจทก์ขาดรายได้ จึงขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์มิได้เป็นหนี้จำเลยตามสัญญาจำนอง และขอบังคับให้จำเลยนำต้นสัญญาจำเลยและโฉนดที่ ๒๗๕๗ ไปจดทะเบียนเลิกการจำนอง ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงสัญญาจำนองที่โจทก์ทำกับจำเลย เป็นการประกันหนี้นายพิเศษคงคาเขต ผู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ในสัญญาจำนอง เป็นชื่อของโจทก์ ขอเบิกเงินเกินบัญชี เป็นการหลงผิดโดยเจ้าหน้าที่คงกรอกผิดไป ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนเลิกการจำนอง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยขอสืบว่า ข้อความที่มีว่า ” เป็นประกัน (การันตี) เงินซึ่งผู้จำนองหรือนายชั้น จิตรภิรมย์ศรีเป็นหนี้ ฯ ” เป็นว่าเป็นประกันนายพิเศษคงคาเขตต์ เพื่อให้สัญญาจำนองเป็นผลบังคับได้ดังข้อความที่จำเลยขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เป็นการต้องห้ามมิให้รับฟังตามมาตรา ๙๔ (ข) แห่ง ป.ม.วิ.แพ่งโดยตรง
จึงพิพากษายืน