คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15927/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นขณะจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีน พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้เพียงว่าตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของจำเลยเท่านั้น แต่พยานโจทก์ก็ไม่นำสืบให้ชัดแจ้งว่า สารเสพติดนั้นเป็นเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ กรณียังเป็นที่สงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 97, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 และเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 57, 66 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (ที่ถูก วรรคสอง), 91 ประกอบมาตรา 83 (ที่ถูก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี และปรับ 400,000 บาท ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน รวมลงโทษจำคุกมีกำหนด 10 ปี 6 เดือน และปรับ 400,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้กักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 และยกคำขอเพิ่มโทษของโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดของจำเลยฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 แล้ว มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ โจทก์มีจ่าสิบตำรวจชด ผู้ได้รับมอบหมายให้ควบคุมจำเลยกับพวกไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลศรีมหาโพธิเป็นพยานเบิกความว่า ผลการตรวจพบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนจากปัสสาวะของจำเลยโดยแพทย์ผู้ตรวจมอบผลการตรวจให้และร้อยตำรวจโทชนะวงศ์เบิกความว่า ได้ส่งตัวจำเลยกับพวกไปตรวจสารเสพติดในปัสสาวะและแพทย์ผู้ตรวจได้แจ้งผลการตรวจ ทั้งนายแพทย์วรวุฒิ แจ้งยืนยันตามหนังสือ เห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นขณะจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนเมื่อใด ที่ไหน อย่างไร มาเป็นพยาน จ่าสิบตำรวจชดก็ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ไม่รู้วิธีการตรวจ ผลการตรวจปัสสาวะที่ให้ผลเป็นบวกจะเกิดจากสารเสพติดตัวอื่นหรือไม่ ไม่ทราบ ไม่มีความรู้ คำเบิกความของจ่าสิบตำรวจชดเกี่ยวกับเอกสารและคำเบิกความของร้อยตำรวจโทชนะวงศ์เกี่ยวกับเอกสารก็ได้ความเพียงว่า พบสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งหาใช่ฟังได้ชัดแจ้งว่าสารเสพติดนั้นเป็นเมทแอมเฟตามีนไม่ เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและโจทก์มีหน้าที่นำสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย เมื่อโจทก์นำสืบรับฟังได้เพียงว่า พบสารเสพติดจากปัสสาวะของจำเลยเท่านั้น กรณียังเป็นที่สงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยมาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share