คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ 7000 บาทจากจำเลยที่ 1 และอ้างว่าจำเลยที่ 1 ขายที่ดินแก่จำเลยที่ 2 เพื่อฉ้อโจทก์ จึงขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินกู้ 7000 บาทแก่โจทก์ส่วนข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ยกเสีย โจทก์อุทธรณ์ในข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนอีกดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายอีกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๗๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๙๑ จำเลยที่ ๑ ได้โอนที่ดินขายให้แก่จำเลยที่ ๒ ด้วยความไม่สุจริต สมยอมเพื่อฉ้อโจทก์ ขายกันราคา ๑๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำมาก ขอให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินกู้ และให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๑-๒
จำเลยที่ ๑ รับตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ ๑ สมยอมกันทำเป็นการกู้เงิน นำมาฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินกู้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย ให้ยกคำขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเสีย
โจทก์อุทธรณ์ในข้อที่ศาลชั้นต้นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฎีกาในข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๑ กับที่ ๒ และเสียค่าธรรมเนียมขึ้นศาล ๑๕ บาท อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ คดีไม่เกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลและสิทธิในครอบครัว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ จึงให้ยกฎีกาโจทก์

Share