คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2529

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ก่อนแล้วต่อมาศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย และส่งอุทธรณ์มายังศาลอุทธรณ์ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะทำคำพิพากษาแต่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย แต่กลับวินิจฉัยคดีตามมาตรา 245 ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาพิพากษาใหม่

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 80 จำคุกตลอดชีวิตตามมาตรา 339, 340 ตรี จำคุก 15 ปี ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในความครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานพกพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือนเมื่อจำเลยถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วงดบังคับคดีสำหรับความผิดกระทงอื่น ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 และก่อนที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยมายังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 80, 339, 340 ตรี ลงโทษตามมาตรา 289, 80 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกตลอดชีวิต จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปรากฏตามสำนวนว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาวันที่ 19 มิถุนายน 2527 ระหว่างอายุอุทธรณ์จำเลยถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรีจำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อพัศดีเรือนจำกลางบางขวาง เมื่อวันที่ 4กรกฎาคม 2527 ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2527 ศาลชั้นต้นได้รับอุทธรณ์ของจำเลยจากผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2527 และสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยวันเดียวกัน แล้วส่งอุทธรณ์มายังศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2527 ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2527ศาลอุทธรณ์ส่งสำนวนกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟัง ศาลชั้นต้นส่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2528ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 9มกราคม 2528 แล้วส่งคำพิพากษาคืนศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 15มกราคม 2528 ครั้นวันที่ 29 มกราคม 2528 ศาลอุทธรณ์ได้มีหนังสือขอสำนวนและคำพิพากษาคืนจากศาลชั้นต้นอ้างว่าถ้ายังไม่ได้อ่านคำพิพากษา ก็ขอให้รีบส่งสำนวนและคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์โดยด่วนหากอ่านแล้วก็นำสิ่งที่ส่งมาด้วยรวมสำนวนดังนี้ที่จำเลยฎีกาในสาระสำคัญประการหนึ่งว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบเพราะการพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 มิได้พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลย ถือว่าศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาหรือสั่งใหม่ตามรูปคดีนั้นปัญหาในชั้นนี้มีว่ามีเหตุที่ศาลฎีกาจะให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่หรือไม่ เห็นว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ชัดว่า ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ไม่ปรากฏว่ามีข้อความตอนใดกล่าวถึงอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อปรากฏว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์และศาลชั้นต้นส่งอุทธรณ์มายังศาลอุทธรณ์ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะทำคำพิพากษา(คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2527) เป็นเวลาเกินกว่า 3 เดือนแม้จะไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้รับอุทธรณ์ของจำเลยวันใดก็ตาม แต่โดยปกติหนังสือราชการที่ส่งเป็นทางราชการไปยังผู้รับหนังสือ ซึ่งเป็นหน่วยราชการด้วยกันน่าจะถึงมือผู้รับและคงไม่ต้องใช้เวลานานเป็นแรมเดือนประกอบกับต่อมาศาลอุทธรณ์ได้มีหนังสือขอสำนวนและคำพิพากษาคืนมาจากศาลชั้นต้นอ้างว่าถ้ายังไม่ได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง ก็ให้รีบส่งสำนวนและคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์โดยด่วน เป็นการสนับสนุนให้เห็นว่าศาลอุทธรณ์ได้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ก่อนที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ศาลอุทธรณ์ได้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ก่อนที่จะพิพากษาคดี เมื่อคดีมีอุทธรณ์โดยศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย แต่กลับวินิจฉัยคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 เช่นนี้ถือว่าศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการพิจารณาและพิพากษา ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาข้ออื่น ๆ ของจำเลยต่อไป”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share