คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เช่าที่ดินมาปรับปรุงก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นให้เช่าค้ากำไร ยกสิ่งปลูกสร้างให้เป็นสิทธิแก่เจ้าของที่ดิน โจทก์ให้เงินแก่เจ้าของที่ดินจำนวนหนึ่ง กิจการของโจทก์ดังนี้เป็นการรับจ้างทำของ ซึ่งต้องเสียภาษีการค้าตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 78 ประเภทการค้า 5 ชนิด1(ค)การปลูกสร้างหรือก่อสร้างทุกชนิด
เจ้าพนักงานแจ้งการประเมินภาษีไปยังโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระภาษีที่ค้างในกำหนดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 88 ทวิมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173
โจทก์เจตนาหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าภาษีการค้า ไม่มีเหตุที่จะลดเงินเพิ่มเบี้ยปรับ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และให้โจทก์ชำระค่าภาษี 6,598,480.15บาทกับดอกเบี้ยและเงินเพิ่ม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสัญญาระหว่างโจทก์กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามเอกสารหมาย จ.ล.1 จ.ล.2 ซึ่งระบุชื่อไว้ว่าเป็นสัญญาปรับปรุงและบูรณะที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีหลักการให้โจทก์เช่าที่ดินเพื่อปรับปรุงบูรณะก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นสำหรับโจทก์ให้เช่าค้ากำไร โดยกำหนดไว้ในสัญญาว่าโจทก์จะต้องปรับปรุงบูรณะก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างให้เสร็จตามเวลาที่ระบุในสัญญาสำหรับอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์จะก่อสร้างต้องเป็นไปตามแบบแปลนแผนผังที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นชอบ ตามสัญญาหมาย จ.ล.1 ข้อ 7เมื่อโจทก์สร้างเสร็จ จะต้องรีบมอบให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตรวจรับจดทะเบียนยกกรรมสิทธิ์ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภายใน 7 วัน แล้วโจทก์จึงจะมีสิทธิให้เช่าต่อไป แต่ตามสัญญาหมาย จ.ล.2 อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2511 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่โจทก์สร้างเสร็จเรียบร้อย ส่วนที่สร้างเสร็จหลังกำหนดดังกล่าวให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนับตั้งแต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรแก่โจทก์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยอมให้โจทก์มีสิทธิเก็บค่าเช่าอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ ตามสัญญาหมาย จ.ล.1 โจทก์ตกลงให้เงินแก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นค่าบำรุงการศึกษา 7 ล้านบาทกับจ่ายเงินค่าชดเชยเท่าจำนวนค่าเช่าที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะได้รับหรือเคยได้รับจากการให้เช่าที่ดินและค่าเช่าอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างล่วงหน้าเป็นรายปีตลอดอายุการเช่า และตามสัญญาหมาย จ.ล.2 โจทก์ตกลงยอมชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โจทก์ชำระค่าภาษีเงินได้นิติบุคคล327,790 บาท 53 สตางค์แก่กรมสรรพากรจำเลยแล้ว แต่ไม่ชำระภาษีการค้าภาษีเทศบาล เงินเพิ่ม เงินเพิ่มเทศบาล เบี้ยปรับ เบี้ยปรับเทศบาล รวม 6,548,480 บาท 15 สตางค์แก่กรมสรรพากรจำเลย กรมสรรพากรจำเลยแจ้งการประเมินภาษีไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2515 และโจทก์ได้รับทราบคำสั่งในวันที่ 22 ธันวาคม 2515

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการดำเนินกิจการของโจทก์เป็นการรับจ้างทำของซึ่งจะต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 ตามบัญชีอัตราภาษีประเภทการค้า 4 การรับจ้างทำของชนิด 1(ค) การปลูกสร้างหรือการก่อสร้างทุกชนิดหรือไม่ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าการดำเนินกิจการของโจทก์เป็นการรับจ้างทำของซึ่งจะต้องเสียภาษีการค้าตามบทกฎหมายนั้น

ส่วนประเด็นเรื่องอายุความ โจทก์ฎีกาว่ารายรับจากค่าโอนสิทธิก่อสร้างและเงินช่วยค่าก่อสร้างในเดือนมกราคม เดือนพฤศจิกายน 2506 โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีการค้าในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 และ15 ธันวาคม2506 กรมสรรพากรจำเลยยื่นฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2517 คดีขาดอายุความนั้น เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินภาษีใหม่โดยแจ้งการประเมินภาษีไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2515 และโจทก์ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินของกรมสรรพากรจำเลยในวันที่ 22 ธันวาคม 2515ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ภาษีที่ค้างแล้วภายในกำหนดตามมาตรา 88 ทวิ ซึ่งมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ตามที่เรียกร้องอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เมื่อนับถึงวันที่ 27 มีนาคม 2517 ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีของกรมสรรพากรจำเลยไม่ขาดอายุความ

สำหรับประเด็นเรื่องงดเงินเพิ่มเบี้ยปรับ ปรากฏว่า โจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า แต่ไม่ชำระค่าภาษีการค้าตั้งแต่ พ.ศ. 2506 ถึง พ.ศ. 2513เงินค่าภาษีค้างชำระ 6,548,980 บาท 15 สตางค์ ถือได้ว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าภาษีแก่กรมสรรพากรจำเลย คดีไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะงดเงินเพิ่มเบี้ยปรับ”

พิพากษายืน

Share