คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 นั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจำจะต้องให้คู่ความมีโอกาศและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้ โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้าง ที่จำเลยจ้างโจทก์ ทำการสร้างศาลาการเปรียญวัดผาสุการาม ซึ่งยังค้างชำระแก่โจทก์อยู่เป็นเงิน ๒๕๑๒๓ บาท
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ผิดสัญญา
ครั้นถึงวันนัด มีพยานโจทก์มาศาลคนเดียว ศาลจึงเลื่อนวันสืบพยานโจทก์ต่อไปอีก
ครั้นถึงวัดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่ ๒ ไม่มีพยานมาอีก ศาลชั้นต้นจึงสังว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งงดสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาข้อที่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และพิพากษาใหม่เห็นว่าคำสั่งเช่นนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มิได้โต้แย้งไว้ จึงอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ได้ จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า จริงอยู่คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๒๖ แต่ตามมาตรา ๒๒๖ (๒) นี้ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลจำต้องให้คู่ความมีโอกาศและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้แต่กรณีนี้ปรากฎว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานแล้ว สั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ซึ่งโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ จึงจะเอาข้อที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งนี้มาตัดสิทธิโจทก์ไม่ให้อุทธรณ์หาชอบไม่ ฉะนั้นในกรณีเช่นนี้โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ และเห็นต่อไปว่า ชอบที่จะให้โจทก์สืบพยานประเด็นตามที่แถลงขอสืบ
จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share