แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อความในพินัยกรรม์ ซึ่งแปลได้ว่า ได้ระบุนามผู้รับมฤดกแล้ว
ในพินัยกรรม์ได้ระบุที่ดินโฉนดที่ 118 เป็นทรัพย์มฤดกแต่ที่ดินรายพิพาทปรากฎว่าเป็นโฉนดที่ 1133 จำเลยจะขอสืบพะยานว่าเลขในโฉนดใบพินัยกรรม์เขียนผิด ผู้ตายมีที่นาฉะเพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว ดังนี้จำเลยย่อมนำสืบได้ เพราะเป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรม์ว่าผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่นาโฉนดที่ ๑๑๓๓ ฉะเพาะส่วนของนางลับผู้ตายให้แก่โจทก์ ๑ ส่วน จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินส่วนของนากลับโฉนดที่ ๑๑๓๓ ซึ่งมีอยู่ ๑๐ ไร่นั้น นางลับได้ทำพินัยกรรม์ยกให้แก่จำเลยแล้ว คู่ความรับกันในเรื่องพินัยกรรม์ และโจทก์แถลงว่า ตามพินัยกรรม์มีข้อความชัดแจ้งว่า ผู้ตายตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการ ไม่ใช่เป็นผู้รับมฤดก และที่ดินที่ยกให้จำเลยจัดการ คิอที่ดินโฉนดที่ ๑๑๘ ไม่ใช่ที่ดินที่โจทก์ฟ้อง จำเลยแถลงว่าเลขโฉนดตามพินัยกรรม์เขียนผิด ผู้ตายมีที่นาฉะเพาะแปลงพิพาทแปลงเดียวและโจทก์คัดค้านว่าข้อความในพินัยกรรม์มีขัดแล้ว จะสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในพินัยกรรม์ซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่ต้องฟังพะยานต่อไป พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกเห็นว่า พินัยกรรม์นางลับ มีข้อความดังต่อไปนี้
“๑. ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่กรรมไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่และที่เกิดขึ้นใหม่ในภายหน้า ข้าพเจ้าขอยอมยกให้แก่ผู้ที่ระบุนามไว้ในพินัยกรรม์นี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งได้กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้ คือ
๑. ยอมยกที่ดินโฉนดที่ ๑๑๘ ซึ่งเป็นโฉนดอันเดียวกับพี่เล็ก ส่วนของข้าพเจ้า ๖ ไร่ที่มีเขตต์คั่นแล้ว ให้นางเล็ก พรหรมสริ เป็นผู้จัดการ และให้นางเล็กจัดการแบ่งหนี้ให้นายเหลี่ยม บริสุทธิ์ ถ้าหากข้าพเจ้าถึงแก่กรรมลงไป ถ้าข้าพเจ้ายังไม่ถึงแก่กรรมแล้ว ข้าพเจ้าจะจัดการชำระเอง ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่กรรมลงไปแล้ว ก็ขอให้นางเล็ก พรหมสริซึ่งเป็นพี่สาวจัดการไปตามนี้ และห้ามมิให้ผู้อื่นใดเข้าเกี่ยวข้อง จัดการทรัพย์สินของข้าพเจ้าเป็นอันขาด” ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่ออ่านข้อความแล้วแสดงเจตนาของผู้ทำพินัยกรรม์ชัดอยู่แล้วว่า เจ้ามฤดกได้ยอมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้นางเล็กเป็นผู้รับมฤดก โดยมีเงื่อนไขให้นางเล็กจัดการชำระหนี้ของผู้ตายให้แก่นายเหลี่ยมด้วยเท่านั้นเป็นพินัยกรรม์ที่ระบุนามผู้รับมฤดกและให้ผู้รับมฤดกนั้นเป็นผู้จัดการมฤดกด้วย
ส่วนในเรื่องที่ในใบพินัยกรรมระบุที่ดินโฉนดที่ ๑๑๘ เป็นทรัพย์สินมฤดก แต่ที่ดินรายพิพาทปรากฎว่า เป็นโฉนดที่ ๑๑๓๓ นั้น จำเลยอ้างว่าเลขโฉนดในพินัยกรรม์เขียนผิด ผู้ตายมีนาฉะเพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว จำเลยจะขอสืบตามข้ออ้าง โจทก์ค้านว่าเป็นการสืบเปลี่ยนแปลข้อความในเอกสาร ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยสืบ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้ออ้างว่าจำเลยนี้เป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรมว่า ผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน การกล่าวถึง ตัวเลขของโฉนดก็ทำนองเดียวกับการกล่าวขานชื่อของบุคคลหรือทรัพย์สินซึ่งคู่ความย่อมนำสืบถึงเจตนาอันแท้จริง เพื่อแปลความหมายได้ว่า ผู้ทำพินัยกรรม์มุ่งถึงทรัพย์สินขึ้นใด รูปคดีควรให้จำเลยนำสืบตามข้ออ้างและให้โจทก์สืบแก้ให้สิ้นกระแสร์ความก่อน
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามนัยที่กล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ