แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ปกครองของเด็กที่ได้จ่ายเงินให้แก่เด็กเป็นค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดแลค่ายารักษาโรคนั้นถือว่าเป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา จะเรียกเงินเหล่านี้คืนไม่ได้ ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.225-249 ข้อกฎหมายที่คู่ความจะยกขึ้นโต้แย้งได้นั้น ถือเอาโอกาศแรกที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นจะต้องโต้แย้งอันมาแต่ในศาลชั้นต้น
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ ได้ขายที่ดินมฤดกของโจทก์ไปเพื่อเอาเงินมาทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ เป็นเงิน ๙๖๐ บาท จำเลยได้จ่ายค่าธรรมเนียมค่าทนายแลอื่น ๆ คงเหลืออีก ๖๒๐ บาท ๖๖ สตางค์ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินจากจำเลย
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้จ่ายไปเพื่อโจทก์หมดแล้ว จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เงินจำนวนนี้จำเลยจะหักเป็นค่าเสื้อผ้าค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ค่าหมอแลยารักษาโรคสำหรับโจทก์ด้วยมิได้ เพราะจำเลยจ่ายให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา ไม่มีบุรพเจตนาจะเอาคืนตาม ม.๕๓๕ (๓) -๔๐๓ จึงพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน ๖๒๐ บาท ๖๖ สตางค์ ให้โจทก์
จำเลยฎีกาว่า รูปคดีไม่ต้องด้วยลักษณให้โดยเสน่หา หรือจัดการนอกสั่ง แลว่ากฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นตัดสิน โจทก์มิได้กล่าวอ้างเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยจะเรียกเอาคืนมิได้ตาม ม.๕๓๕(๓) แล ๔๐๓ และเห็นว่าศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกขึ้นชี้ขาดตัดสินได้ตาม ม.๒๒๕-๒๔๙ เพราะในตอนนั้นโจทก์ยังไม่มีโอกาศยกกฎหมายข้อนี้ขึ้นโต้แย้ง แลเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว