แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรมหาจำต้องเขียนบอกไว้ว่ารับรองลายพิมพ์นิ้วมือไว้ในพินัยกรรมไม่เพียงแต่มีลายพิมพ์นิ้วมือแล้วมีพยาน 2 คนที่รู้เห็นการพิมพ์นิ้วมือลงลายมือชื่อกำกับไว้ก็เป็นการเพียงพอแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ม. ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้โจทก์ โจทก์ไปร้องขอรับมรดกที่ดินจากเจ้าพนักงานที่ดิน จำเลยทั้งสองไปค้าน แล้วยังบุกรุกขัดขวางการครอบครองที่ดินตามพินัยกรรมดังกล่าว ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของ ม. ตามพินัยกรรม ห้ามจำเลยทั้งสองขัดขวางคัดค้านการรับมรดกตามพินัยกรรมนั้นและห้ามเข้าเกี่ยวข้องบุกรุกขัดขวางการครอบครองที่ดินซึ่งโจทก์ได้มาโดยพินัยกรรมตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า พินัยกรรมที่โจทก์ฟ้องขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 และมาตรา 1656 ใช้บังคับไม่ได้ คดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ตกลงกันที่ศาลชั้นต้นในคดีอื่นแล้วว่าโจทก์จำเลยจะจัดการมรดกรายนี้ร่วมกันไม่ติดใจดำเนินคดีกันอีกต่อไป จึงเป็นฟ้องซ้ำ จำเลยได้ร่วมปกครองที่ดินกองมรดกกับโจทก์ตลอดมา จำเลยควรได้รับมรดกที่ดินนี้ตามส่วน ขอให้พิพากษายกฟ้องและมีคำสั่งว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะให้โจทก์จำเลยจัดการมรดกร่วมกันตามที่เคยได้ตกลงกันไว้ในศาล
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพินัยกรรมตามฟ้องสมบูรณ์ ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของ ม. ผู้ตายตามพินัยกรรมนั้น ห้ามไม่ให้จำเลยทั้งสองขัดขวางและคัดค้านการรับมรดกในที่ดินตามพินัยกรรมดังกล่าวห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องบุกรุกขัดขวางการครอบครองที่ดิน ให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ระหว่างฎีกาจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม ไม่มีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนเกิน 1 ปีจึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เกี่ยวกับพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของม. ผู้ทำพินัยกรรมตามที่จำเลยฎีกาว่าต้องมีคำว่า “รับรองลายมือ” ต่อท้ายคำว่า “พยาน”ด้วย จึงจะชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 นั้น เห็นว่าพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือหาจำต้องเขียนบอกไว้ว่า รับรองลายพิมพ์นิ้วมือไม่ เพียงแต่มีลายพิมพ์นิ้วมือแล้วมีพยาน 2 คนที่รู้เห็นการพิมพ์นิ้วมือลงลายมือชื่อกำกับไว้ก็เป็นการเพียงพอแล้ว
พิพากษายืน