คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนลูกจ้าง ซึ่งทำไว้ก่อนตั้งศาลแรงงาน ผู้รับมอบอำนาจนำมาฟ้องคดีต่อศาลแรงงานก็ได้ และฟ้องเรียกค่าจ้าง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ค่าเครื่องบินไปกลับตามสัญญาได้ เมื่อจำเลยมิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้มอบอำนาจตายไร้ความสามารถหรือล้มละลาย ก็ไม่มีเหตุที่จะไม่รับฟังใบมอบอำนาจนั้น

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามสัญญาจ้างแรงงานแก่โจทก์147,000 บาท ค่าชดเชย 75,000 บาท กับดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ศาลแรงงานกลางสั่งรับอุทธรณ์มาเพียงข้อเดียวคือเรื่องอำนาจฟ้อง ซึ่งจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้นายโสภณเนตยาจารย์ ฟ้องคดีนี้ตามหนังสือลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2521 ขณะนั้นศาลแรงงานกลางยังไม่ตั้งขึ้น การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้จึงเป็นการพ้นวิสัย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สามารถนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมาใช้อ้างต่อศาลแรงงานกลางได้ เพราะเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของผู้มอบอำนาจซึ่งมุ่งประสงค์ให้ดำเนินคดีในศาลแพ่ง ซึ่งขั้นตอนและกระบวนพิจารณาผิดแผกต่างกับศาลแรงงานกลางหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องจึงตกเป็นโมฆะ และหนังสือมอบอำนาจเพียงระบุอำนาจให้ฟ้องจำเลยเพื่อเรียกร้องค่าจ้างแรงงานตามสัญญาจ้างแรงงานเท่านั้น การที่ผู้รับมอบอำนาจฟ้องเรียกร้องสิทธิอื่น ๆ เกินกว่าที่ได้รับมอบหมายมาเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ทั้งการนำสืบของฝ่ายโจทก์ไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้มอบอำนาจยังมีชีวิตอยู่หรือไม่จึงไม่สมควรที่จะรับฟังหนังสือมอบอำนาจฉบับท้ายฟ้องมาประกอบการพิจารณาคดีนี้ ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้นายโสภณฟ้องคดีนี้แทนนั้น มุ่งประสงค์ให้ได้มาซึ่งสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานที่ทำไว้กับ จำเลยเท่านั้น มิได้จำกัดว่าจะต้องฟ้องต่อศาลใด ทั้งการที่จะฟ้องต่อศาลใดย่อมเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่ฟ้องคดี และเมื่อเป็นการมอบอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึงหากขณะที่มอบอำนาจกันศาลแรงงานกลางยังไม่ได้ตั้งขึ้น ก็มิได้ทำให้การมอบให้ฟ้องคดีดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดและแม้นายโสภณสามารถจะฟ้องคดีต่อศาลแพ่งได้ แต่นายโสภณก็มิได้ฟ้องต่อศาลแพ่ง เพิ่งมาฟ้องต่อศาลแรงงานกลาง จะด้วยเหตุผลอย่างใดก็ตามก็ยังเป็นการฟ้องเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิของโจทก์ทั้งสองตามสัญญาจ้างแรงงานที่ทำไว้กับจำเลยนั่นเอง หาได้ผิดความประสงค์ของโจทก์ทั้งสองและทำให้หนังสือมอบอำนาจเสียไปไม่

ส่วนที่โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้ฟ้องเรียกร้องค่าจ้างแรงงานตามสัญญาจ้างแรงงานนั้น เป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองให้ได้มาซึ่งสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานที่ทำไว้กับจำเลยดังกล่าวข้างต้น และปรากฏตามสัญญาจ้างแรงงานว่านอกจากจำเลยที่ 1 ตกลงให้เงินเดือนแก่โจทก์ทั้งสองคนละ 450 ดอลลาร์ หรือคนละ 9,000 บาทแล้ว จำเลยที่ 1 ยังมีความผูกพันที่จะต้องจ่ายค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเครื่องบินไปกลับแก่โจทก์ทั้งสองด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่จ่ายเงินดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสอง ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ทั้งสองต้องเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ 1 ฉะนั้น การที่นายโสภณฟ้องเรียกค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเครื่องบินไปกลับจากจำเลยที่ 1 แทนโจทก์ทั้งสองด้วย หาเป็นการนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากโจทก์ทั้งสองไม่

กรณีเมื่อโจทก์ทั้งสองทำหนังสือมอบอำนาจให้นายโสภณฟ้องคดีแล้ว ตราบใดที่ยังไม่มีเหตุให้อำนาจนายโสภณสิ้นสุดลง สิทธิฟ้องคดีของนายโสภณย่อมมีอยู่ และเมื่อจำเลยที่ 1 มิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าโจทก์ทั้งสองถึงแก่กรรมแล้ว เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะไม่ยอมรับฟังหนังสือมอบอำนาจดังอุทธรณ์จำเลยที่ 1”

พิพากษายืน

Share