คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายฝากทรัพย์สินกับจำเลยที่ประเทศซาอุดิอาระเบียเพื่อให้จำเลยนำมาให้ภริยาของผู้เสียหายในประเทศไทย เมื่อผู้เสียหายกลับมาประเทศไทยจึงทราบว่าจำเลยไม่ได้นำทรัพย์สินที่ฝากมาให้กับภริยาผู้เสียหาย และจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากผู้เสียหายจึงร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยมูลแห่งความผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามข้อนำสืบของโจทก์เกิดเมื่อจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์ อันแสดงถึงเจตนาทุจริตเบียดบังทรัพย์เป็นของตน เหตุจึงเกิดที่ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ประเทศไทย มิใช่เกิดที่ประเทศซาอุดิอาระเบียพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอกุมภวาปีมีอำนาจสอบสวนได้เมื่อได้มีการสอบสวนโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ครอบครองเครื่องขยายเสียง 1 เครื่องหูฟัง 1 อัน กล้องส่องทางไกล 1 อัน นาฬิกา 2 เรือน เครื่องกันฝุ่น(หน้ากากป้องกันไอพิษ) 1 อัน กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ เสื้อผ้าสตรี3 ชิ้น รวมเป็นเงิน 54,900 บาท ของนายบาน สอนสมนึก หรือสอนสำนึกผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายฝากจำเลยไปมอบให้ภริยาของผู้เสียหายและระหว่างวันเวลาดังกล่าว วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เบียดบังเอาทรัพย์ทั้งหมดของผู้เสียหายเป็นของตนโดยทุจริตเหตุเกิดที่ตำบลตูมใต้ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 คืนของกลางแก่ผู้เสียหายและให้จำเลยคืนทรัพย์ คือเครื่องขยายเสียง หูฟัง กล้องส่องทางไกลนาฬิกา 2 เรือน เสื้อผ้าสตรี หรือชดใช้ราคาจำนวน 50,700 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก จำคุก 6 เดือน ให้คืนกระเป๋าเดินทาง 1 ใบเครื่องกันฝุ่น 1 อัน ของกลางแก่ผู้เสียหายกับให้จำเลยคืนเครื่องแอมปลิไฟเออร์ (เครื่องขยายเสียง) หรือชดใช้ราคาทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงิน 30,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ตามทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ผู้เสียหายกับจำเลยรู้จักกันระหว่างที่ไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบียต่อมาปี 2529 จำเลยเดินทางกลับประเทศไทยก่อน ผู้เสียหายว่าได้ฝากทรัพย์สินมากับจำเลยเพื่อฝากให้ภริยาของผู้เสียหายในประเทศไทย เมื่อผู้เสียหายเดินทางกลับประเทศไทยจึงทราบว่าจำเลยมิได้นำทรัพย์สินที่ฝากมาให้กับภริยาผู้เสียหาย ผู้เสียหายไปทวงถามจำเลยที่บ้านจำเลยที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีจำเลยว่าเอาเครื่องขยายเสียงไปซ่อมส่วนทรัพย์สินอื่นจะคืนพร้อมเครื่องขยายเสียง ต่อมาจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝาก ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย มูลแห่งความผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามข้อนำสืบของโจทก์เกิดเมื่อจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์ อันแสดงถึงเจตนาทุจริตเบียดบังทรัพย์เป็นของตนเหตุจึงเกิดที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ประเทศไทย มิใช่เกิดที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอกุมภวาปีมีอำนาจสอบสวนได้ เมื่อคดีนี้มีการสอบสวนโดยชอบโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง…”
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ค่าปรับหากไม่ชำระให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากนี้ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share