แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า “จำเลยได้บังอาจสมคบร่วมกันฆ่า”ก็ย่อมหมายความว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาจะฆ่าให้ตายอยู่ในตัว ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายไม่
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร้าฟันผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้บังอาจสมคบกันฆ่านายเขียว นวลศรี โดยใช้มีดพร้าฟันนายเขียวถึงแก่ความตายทันทีขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายปี มีทองจำเลยแต่ผู้เดียวเป็นคนฟันนายเขียวผู้ตาย จำเลยอื่นมิได้ร่วมกระทำผิดด้วย พิพากษาว่านายปีจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุก 20 ปี
นายปี มีทองจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีฟังได้ชัดว่านายปีจำเลยได้ใช้พร้าฟันนายเขียวคอขาดตายทันที แต่เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่มีข้อความว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าให้ตายแม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 288 พิพากษาแก้เป็นว่า นายปี จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
โจทก์และจำเลยฎีกา
คดีมาสู่ศาลฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ได้หรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ที่นายปีจำเลยกระทำแก่นายเขียวผู้ตายนั้นส่อแสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นแล้ว เพราะได้ใช้พร้าฟันนายเขียวตรงคอถึงกับศีรษะขาดกระเด็นไปตกอยู่ที่ปลายเท้านายเขียว เป็นการกระทำโดยเจตนา ความผิดของนายปีจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288 และตรงตามฟ้องโดยครบองค์ความผิดตามมาตรานี้แล้ว ทั้งฟ้องของโจทก์ก็บรรยายว่า “ได้บังอาจสมคบร่วมกันฆ่า” ย่อมหมายความว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาจะฆ่าให้ตายอยู่ในตัวแตกต่างกับ”ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” โดยผู้ทำร้ายมิได้มีเจตนาฆ่าดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 290 หาจำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุในฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้นายเขียวตายไม่เห็นว่าฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น