แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แก้ตัวเลขในสลากกินแบ่ง 1 ตัว ให้เป็นหมายเลขที่ถูกรางวัลเพื่อให้เพื่อนเลี้ยงอาหารจำเลยก่อน แล้วจำเลยทิ้งสลากกินแบ่งในถังขยะในบ้าน มีผู้เก็บสลากกินแบ่งนั้นไปขอรับรางวัลนอกความรู้เห็นของจำเลย การหลอกให้เลี้ยงอาหารเป็นการล้อเล่นระหว่างเพื่อนซึ่งทำอยู่เป็นปกติ ไม่เป็นความเสียหายแก่ประชาชนหรือเพื่อนของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงคู่ความนำสืบรับกันฟังได้ว่าจำเลยได้แก้สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 10 ธันวาคม 2518 หมายเลข2039337 ให้เป็นหมายเลข 2039837 แล้วนำไปให้นายวันชัย ทองสหธรรมกับนายมนัส นิยมศิลป์ ดู ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 4 คนทั้งสองให้จำเลยเลี้ยงอาหาร จำเลยตกลงแต่ให้คนทั้งสองเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันก่อนแล้วมื้อเย็นจำเลยจะเลี้ยงตอบ คนทั้งสองได้พาจำเลยกับนายพรศักดิ์ ศรีเจ้า ไปเลี้ยงข้าวต้มที่ร้านหน้าตลาดนางเลิ้งเป็นเงินร้อยกว่าบาท โดยนายวันชัยเป็นคนจ่ายค่าอาหาร บุคคลทั้งสี่นี้เป็นเพื่อกันทำงานอยู่เขตป้อมปราบด้วยกัน เมื่อเลี้ยงกันแล้วจำเลยจึงบอกความจริงว่าได้แก้เลขในสลากกินแบ่ง ไม่ได้ถูกสลากกินแบ่งหรอก แล้วต่างก็หัวเราะกัน ต่อมาปรากฏว่านางมยุรี กลั่นศิริ ลูกผู้พี่ของจำเลยซึ่งอยู่บ้านเดียวกับจำเลยเก็บสลากกินแบ่งที่แก้เลขนั้นได้ในถังขยะในบ้านตรวจแล้วเห็นถูกรางวัลที่ 4 จึงเอาไปขอรับเงินรางวัลที่กองสลากกินแบ่ง เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าเป็นสลากปลอมจึงจับกุมนายมยุรีดำเนินคดี นางมยุรีว่าเป็นของจำเลย เจ้าหน้าที่กองสลากกินแบ่งจึงให้นำตัวจำเลยมากองสลาก แล้วส่งตัวจำเลยกับนางมยุรีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีและได้สั่งฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เพียงคนเดียว
จำเลยอ้างว่าจำเลยแก้เลขสลากกินแบ่งเพื่อหลอกเพื่อนเล่น เมื่อเพื่อนเชื่อก็เลยให้เพื่อเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันก่อน เมื่อเลี้ยงแล้วก็บอกความจริงให้เพื่อนทราบก็เลยหัวเราะกันขึ้น นายวันชัยพยานโจทก์ซึ่งเป็นเพื่อนกับจำเลยเบิกความว่าตนกับนายมนัส นายพรศักดิ์และจำเลยเป็นเพื่อนทำงานที่เดียวกันกินข้าวกลางวันด้วยกันเสมอ เบิกความสอดคล้องกับคำจำเลยว่าเมื่อทราบความจริงว่าจำเลยแก้เลขสลากกินแบ่งเพื่อล้อกันเล่นก็ต่างหัวเราะกัน และนายวันชัยว่าต่อมาจำเลยถูกจับแล้วบอกตำรวจว่าทิ้งสลากกินแบ่งนั้นไปแล้วเจ้าของบ้านหมายถึงนางมยุรีเก็บได้เอาไปขึ้นเงินจึงเกิดเป็นคดีนี้ขึ้น ซึ่งสมด้วยข้ออ้างของจำเลย ร้อยตำรวจตรีวิเชียร พอนอ่วม พนักงานสอบสวนเบิกความว่าสอบสวนจำเลยรับว่าได้แก้เลขในสลากกินแบ่งขึ้นเล่น ๆ เพื่อหลอกเพื่อน นางมยุรีเก็บได้ในถังขยะก็คิดว่าเป็นสลากที่ถูกรางวัลจึงไปขอรับเงิน สมข้ออ้างจำเลยเช่นกัน เฉพาะนางมยุรีนั้นต่อมาพนักงานสอบสวนได้สั่งไม่ฟ้อง นางมยุรีก็มาเป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกับที่ให้การไว้ชั้นสอบสวนมิได้ขัดกันดังโจทก์ฎีกา
พฤติการณ์ที่จำเลยแก้หมายเลขในสลากกินแบ่งนั้นเห็นได้ว่าเป็นเรื่องล้อกันเล่นระหว่างเพื่อนฝูงเพื่อเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันเท่านั้น จำเลยมิได้มีเจตนาเอาสลากกินแบ่งที่แก้เลขนั้นไปรับเงินรางวัลแต่ประการใด การที่นางมยุรีลูกผู้พี่ของจำเลยเก็บได้ในถังขยะแล้วไปขึ้นเงินนั้นเป็นเรื่องที่นอกความรู้เห็นของจำเลย จำเลยมิได้สนับสนุนให้นางมยุรีไปรับเงินแต่อย่างใดการแก้เลขสลากกินแบ่งฉบับนี้ของจำเลยมิได้เกี่ยวข้องกับการนำสลากไปขอรับเงินของนางมยุรี เพราะจำเลยได้ทิ้งสลากลงถังขยะไปแล้ว การแก้เลขในสลากกินแบ่งของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิดังฟ้องที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเอาสลากแก้เลขไปหลอกเพื่อนทั้งนี้ทำให้เพื่อน ๆ จำเลยได้เลี้ยงอาหารกลางวันทำให้เพื่อนหรือประชาชนเสียหายโดยตรง จำเลยต้องมีความผิดนั้น เห็นว่าการล้อเล่นระหว่างจำเลยกับเพื่อนจำเลยนี้หาก่อให้เกิดความเสียหายตามกฎหมายไม่ เพราะจำเลยกับเพื่อนก็เคยร่วมกินข้าวและเลี้ยงกันเป็นปกติอยู่แล้ว ย่อมไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนหรือเพื่อนจำเลยเนื่องจากการแก้เลขสลากของจำเลยแต่ประการใด”
พิพากษายืน