แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยลักบัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็ม ของธนาคารนายจ้าง1 ใบ ไปในขณะที่ได้รับมอบหมายให้จัดรหัสของบัตรให้เข้าคู่กันวันต่อมาจำเลยนำบัตรเงินสดทันใจที่ลักมาไปเข้าเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติของนายจ้างกดเบิกเงินเอาไปจำนวน 5,000 บาท ทรัพย์ที่จำเลยลักไปเป็นคนละประเภทกัน แม้จำเลยจะมีความประสงค์เพื่อเอาบัตรเงินสดทันใจที่ลักมาไปกดเบิกเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติแต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จในตัวต่างกรรมต่างวาระกันแยกกระทงลงโทษจำเลยได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ลักทรัพย์บัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็มหมายเลข 0890 0105 4925 จำนวน 1 ใบ ราคา 30 บาท ของธนาคารกสิกรไทย นายจ้าง ไปโดยทุจริต และจำเลยได้ลักทรัพย์ธนบัตรจำนวน 5,000 บาท ของธนาคารกสิกรไทย นายจ้าง จากเครื่องจ่ายอัตโนมัติไปโดยทุจริต โดยจำเลยใช้บัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็มที่จำเลยลักไปดังกล่าวเป็นเครื่องมือใช้ในการกระทำผิด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 335(11) ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคา 5,030 บาท แก่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(11) วรรคแรก จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 5,030บาท แก่ผู้เสียหาย ความผิดนอกจากนี้ให้ยก โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(11) วรรคแรก ประกอบด้วยวรรคสอง (ที่ถูกเฉพาะมาตรา335(11) วรรคแรก) การกระทำผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 ให้จำคุกจำเลยกระทงละ 3 ปี รวมโทษทั้งสองกระทงเป็นจำคุก 6 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยซึ่งเป็นพนักงานของธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนรัชดาภิเษกได้ลักเอาบัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็ม หมายเลข 0890 0105 4925จำนวน 1 ใบ ราคา 30 บาท ของธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนรัชดาภิเษกนายจ้างขณะได้รับมอบหมายจากนางดารณี ศุภนาฤกษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการให้จัดรหัสของบัตรให้เข้าคู่กัน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2531เวลาประมาณ 16 นาฬิกา ต่อมาวันที่ 23 ธันวาคม 2531 เวลาประมาณ10 นาฬิกา จำเลยได้นำบัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็ม ที่ลักมานั้นไปเข้าเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ สาขาห้วยขวางของธนาคารกสิกรไทยนายจ้าง กดเบิกเงินเอาไปจำนวน 5,000 บาท แล้วได้นำบัตรเงินสดทันใจเอ.ที.เอ็ม ดังกล่าวโยนทิ้งน้ำไป คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่ เห็นว่า ทรัพย์ที่จำเลยลักไปจากธนาคารกสิกรไทย นายจ้าง เป็นคนละประเภทกันแม้จำเลยจะมีความประสงค์เพื่อเอาบัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็มที่ลักมาไปกดเบิกเงินจากเครื่องจ่ายอัตโนมัติ แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จในตัวต่างกรรมต่างวาระกัน แยกกระทงลงโทษจำเลยได้การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน