คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยไปขนถ่ายของในเวลาค่ำคืนในที่เปลี่ยวห่างไกลบ้านคนเป็นการกระทำในลักษณะซ่อนเร้นเพื่อไม่ให้มีผู้พบเห็น สินค้าที่ขนมีจำนวนมากราคาหลายล้านบาท ควรจะต้องรู้ว่าสินค้าที่ขนมีอะไร จำเลยเป็นเจ้าของรถบรรทุกถูกจับพร้อมสินค้าของกลางขณะจำเลยนั่งอยู่ในรถพร้อมคนขับ เป็นพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยควบคุมการขนสินค้าของกลางด้วยความระมัดระวังนับได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันซื้อ รับไว้และพาเอาไปเสียซึ่งสินค้าของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัด มีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 27 ทวิ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบสินค้าของกลาง ส่วนรถยนต์ของกลางให้คืนเจ้าของ ให้จ่ายรางวัลแก่ผู้จับร้อยละ 20 ของราคาของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 27 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก 2 ปี และให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางด้วย จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม2523 นายดาบตำรวจกูล ธรรมเจริญ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีรถบรรทุกฮีโน่ทะเบียน ช.บ.51052 บรรทุกของหนีภาษีผ่านท้องที่อำเภอขลุง มาตามถนนสุขุมวิท จึงรายงานให้พันตำรวจตรีทวนชัยสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอขลุงทราบ สารวัตรใหญ่ได้สั่งให้ร้อยตำรวจเอกบุญส่ง แสงมณี กับพวกไปตั้งจุดตรวจบนถนนสุขุมวิท ตำบลวันยาว อำเภอขลุง เริ่มตั้งจุดตรวจเวลา20 นาฬิกาเศษ ตรวจรถไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลา 22 นาฬิกา มีรถบรรทุก 6 ล้อทะเบียน ช.บ.51052 แล่นมาจากทางจังหวัดตราด มีผ้าใบปกคลุมมาจึงเรียกให้หยุดปรากฏว่ามีนายคำผงเป็นผู้ขับขี่ จำเลยนั่งติดกับคนขับ ถัดจำเลยไปคือนายบานเย็น ร้อยตำรวจเอกบุญส่งเปิดผ้าใบดูเห็นมีกล่องหลายกล่องน่าเชื่อว่ามีของผิดกฎหมาย จึงสั่งให้นำรถไปสถานีตำรวจภูธรอำเภอขลุงรายงานให้สารวัตรใหญ่ทราบแล้วรายงานให้พันตำรวจเอกทรงวิทย์ผู้กำกับการทราบเพื่อร่วมตรวจสอบ ผลการตรวจค้นปรากฏว่ามีสินค้าทั้งหมด 111 กล่องเป็นของที่ผลิตขึ้นภายนอกราชอาณาจักร มีรายละเอียดตามบันทึกการจับกุมนายบุญชู ช่อทับทิม นายด่านศุลกากรท่าแฉลบกับนายสุเทพ นายตรวจศุลกากรเป็นผู้ร่วมกันประเมินสินค้านี้ ได้บันทึกรายละเอียดไว้ในบัญชีประเมินราคาสินค้าท้ายคำฟ้อง ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ

จำเลยนำสืบว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 19 นาฬิกา จำเลยนั่งรับประทานอยู่ที่ตลาดด้วย ในอำเภอเมืองจันทบุรี นายคำผงคนขับรถบรรทุกของจำเลยมาบอกว่ามีคนว่าจ้างไปบรรทุกของที่จังหวัดตราด และนายคำผงตกลงรับจ้าง นายคำผงชวนจำเลยไปเป็นเพื่อนเพราะเป็นเวลากลางคืน ตอนออกรถไป ผู้ว่าจ้างนั่งรถไปด้วย พอรถแล่นเลยขลุงประมาณ 10 นาทีผู้ว่าจ้างบอกให้เลี้ยวขวา เมื่อรถแล่นเข้าไปแล้วก็พบสิ่งของห่อพลาสติกสีเขียวไม่ทราบว่าเป็นอะไร มีคนอยู่แถวนั้น 4-5 คน ช่วยยกของขึ้นรถ พอบรรทุกเสร็จก็ขับรถกลับมาถึงที่ตั้งด่านก็ถูกจับ

ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกามีเพียงว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อรับไว้ และพาเอาไปเสียซึ่งสินค้าของกลางโดยจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไปขนถ่ายของในเวลาค่ำคืนในที่เปลี่ยวห่างไกลบ้านคนเป็นการกระทำในลักษณะซ่อนเร้นเพื่อไม่ให้มีผู้พบเห็น สินค้าที่ขนมีจำนวนมาก และมีราคาหลายล้านบาท จำเลยควรจะต้องรู้ว่าสินค้าที่ขนเป็นอะไร จำเลยเป็นเจ้าของรถบรรทุก ถูกจับกุมพร้อมสินค้าของกลางขณะจำเลยนั่งอยู่ในรถนั้นพร้อมคนขับ เป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าจำเลยควบคุมการขนสินค้าของกลางด้วยความระมัดระวัง ฉะนั้นที่จำเลยปฏิเสธลอย ๆ ไม่ว่าขนสินค้าของกลางมาและไม่ทราบว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้เสียภาษีศุลกากร โดยไม่มีพยานหลักฐานใดมาสนับสนุนจึงรับฟังไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อ รับไว้ และพาเอาไปเสียซึ่งสินค้าของกลางโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัดนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share