แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีล้มละลายที่โจทก์ฟ้องจำเลยและศาลยกฟ้องไปแล้วนั้น. มีประเด็นข้อใหญ่อยู่ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว. ไม่มีทรัพย์สินจะชำระหนี้. อยู่ในเกณฑ์ที่ศาลจะพิพากษาให้ล้มละลายได้หรือไม่. ในคดีนี้มีประเด็นอยู่ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงหรือไม่. โดยโจทก์ฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไป ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน.การวินิจฉัยในเรื่องทั้งสองนี้จึงมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน. ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.และไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144,148.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ล้มละลายตามคดีแดงที่ ล.3/2507 ศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จริง แต่ยังมีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ ให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยใช้เงินกู้และดอกเบี้ย 73,500 บาท ฯลฯ จำเลยให้การว่า เงินจำนวนนี้โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ล้มละลายมาแล้วเป็นฟ้องซ้ำ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 60,000 บาทและดอกเบี้ย ฯลฯ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีล้มละลายดังกล่าวนั้นมีประเด็นข้อใหญ่อยู่ที่ว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีทรัพย์สินจะชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ศาลจะพิพากษาให้ล้มละลายได้หรือไม่ส่วนในคดีนี้มีประเด็นอยู่ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงหรือไม่ โดยโจทก์ฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้โจทก์ไป ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน การวินิจฉัยของศาลในเรื่องทั้งสองนี้จึงไม่ได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฉะนั้นฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ และไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144, 148 พิพากษายืน.