แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายอยู่ในฐานะที่จะระงับความเสียหายได้แล้ว ละเลยเสียฝ่ายผิดไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายในระยะต่างจากนั้น,ศาลเดิมให้ค่าเสียหาย 420 บาทกับต่อไปเดือนละ 60 บาทจนกว่าส่งมอบทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ให้ใช้ค่าเสียหาย 100 บาทเป็นแก้ไขมาก
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ รับประทานบัตร์ของโจทก์ไปหาผู้ซื้อแล้วเอาไปให้จำเลยที่ ๒ ยืดเป็นประกันหนี้ โจทก์ทวงคืน จำเลยที่ ๒ ไม่ยอมคืน จึงพิพากษาให้จำเลยทั้ง ๒ ใช้ค่าเสียหาย ๕๒๐ บาทกับต่อไปอีกเดือนละ ๖๐ บาทจนถึงวันที่ส่งมอบประทานบัตร์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์นำใบมอบให้จำเลยที่ ๑ ไว้เป็นประกันหนี้แล้วจำเลยที่ ๑ นำไปวางประกันหนี้แก่จำเลยที่ ๒ อีกต่อ ๑ แต่การเอาประทานบัตร์ไปวางประกันหนี้เช่นนี้เป็นโมฆะ เห็นสมควรให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๐๐ บาท
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น และกำหนดค่าเสียหายให้ ๔๒๐ บาท และให้ใช้ค่าเสียหายต่อไปเดือนละ ๖๐ บาทจนถึงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๔๘๐ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ร้องขอรับประทานบัตร์ไปจากศาล จำเลยไม่คัดค้านต่อจากนี้ไปการที่ดจทก์ไม่รับประทานบัตร์ไปหลักหลังทำการขุดแร่วลแพรมย่อมไม่ใช่ความผิดของจำเลยการที่ดจทก์ไม่ช่วยบรรเท่าความเสียหายซึ่งอาจทำได้ ย่อมตกเป็นบาปแก่จำเลยด้วย